มลพิษทางอากาศเป็นปัญหาใหญ่ในยุคสมัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มลพิษฝุ่น PM 2.5 แพร่กระจายไปทั่วประเทศไทย ซึ่งเป็นมลภาวะทางอากาศที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของมนุษย์ จนทำให้เครื่องฟอกอากาศกลายเป็นอีกหนึ่งในอุปกรณ์จำเป็นสำหรับเรา เพื่อเป็นตัวช่วยในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศภายในอาคารและปรับปรับปรุงคุณภาพอากาศให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากและถูกแนะนำกันอย่างแพร่หลายคือการใช้ “ต้นไม้ฟอกอากาศ” ที่หลายคนเชื่อว่าต้นไม้จะช่วยดูดซับสารพิษภายในอาคาร และปล่อยออกซิเจนให้เราหายใจ เพื่อช่วยให้อากาศภายในอาคารบริสุทธิ์และสดชื่นขึ้น แต่จะจริงแค่ไหน ? ที่ต้นไม้ฟอกอากาศจะสามารถลดมลพิษทางอากาศภายในอาคารได้ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจแและค้นหาคำตอบ พร้อมแนะนำการดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality : IAQ ) เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดกัน
มลพิษทางอากาศที่พบบ่อยในอาคาร
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับ มลพิษทางอากาศภายในอาคาร หรือ Indoor Air Pollution คือ สภาวะอากาศภายในอาคารหรือสถานที่ปิดที่มีสิ่งเจือปนหรือสารปนเปื้อนต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2), คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO), ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde), สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5 / PM10) เป็นต้น ซึ่งมลพิษทางอากาศเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้คุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality : IAQ) ต่ำกว่าระดับมาตรฐาน จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยหรือผู้ใช้งานอาคารในพื้นที่นั้น ๆ
โดยสาเหตุของมลพิษทางอากาศภายในอาคารสามารถเกิดขึ้นได้จากแหล่งต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เช่น วัสดุก่อสร้างหรืออุปกรณ์ภายในอาคารที่มีการใช้สารเคมี สถานที่ตั้งของอาคารที่เสี่ยงสูงต่อมลพิษทางอากาศ ระบบปรับอากาศและระบบระบายอากาศที่ไม่เพียงพอ หรือแม้กระทั่งเกิดจากผู้ใช้งานอาคารเองก็มีส่วนในการสร้างมลพิษทางอากาศเช่นเดียวกัน เช่น การสูบบุหรี่ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีบางชนิด อย่างน้ำหอม หรือโคโลญจน์ เป็นต้น
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “มลพิษทางอากาศภายในอาคาร” ได้ที่บทความ :
INDOOR AIR POLLUTION มลพิษทางอากาศภายในอาคาร ร้ายแรงกว่าที่คิด !
และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้การดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคารเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจและดูแลเป็นพิเศษ เพื่ออากาศในการหายใจที่บริสุทธิ์และไม่มีสิ่งเจือปน จึงทำให้ “ต้นไม้ฟอกอากาศ” กลายเป็นส่วนหนึ่งที่คนยุคใหม่ให้ความสนใจ เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคารให้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
- เปิดที่มาของมลพิษทางอากาศ PM2.5 เพราะเหตุใดถึงไม่ลดลงและเกิดขึ้นซ้ำทุกปี
- สารระเหย VOCs ภัยแฝงในอากาศที่อาจเป็นสารก่อมะเร็ง อยู่ใกล้คุณกว่าที่คิด
ต้นไม้ฟอกอากาศคืออะไร
ต้นไม้ฟอกอากาศ คือ พืชที่มีคุณสมบัติในการดักจับ ดูดซับสารพิษและมลพิษทางอากาศ ด้วยกระบวนการทั้ง 3 ช่องทาง นั่นคือ การดูดน้ำจากราก การดูดมลพิษในห้อง และการคายน้ำทางปากใบ โดยเฉพาะในส่วนของใบที่สามารถดักจับฝุ่นละอองที่อยู่ในอากาศให้มาติดค้างบริเวณผิวใบได้ ไม่เพียงเท่านี้ต้นไม้บางชนิดยังสามารถช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ และปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมาทำให้เรารู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายมากขึ้น
โดยคุณสมบัติของต้นไม้ฟอกอากาศ คือสามารถดูดซับสารพิษที่ลอยอยู่ในอากาศผ่านทางใบ ลำต้น และราก และปล่อยออกซิเจนออกมาในระหว่างกระบวนการสังเคราะห์แสง อีกทั้งยังปล่อยความชื้นในอากาศผ่านทางการคายน้ำทำให้อากาศไม่แห้งและเหมาะต่อการหายใจ ไม่เพียงเท่านี้ยังให้ความสวยงามและสามารถใช้เพื่อตกแต่งให้สิ่งแวดล้อมน่าอยู่อีกด้วย
ซึ่งต้นไม้ฟอกอากาศมีหลากหลายประเภททั้งที่สามารถปลูกได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เช่น
- ต้นไม้ฟอกอากาศในอาคาร : เดหลี ลิ้นมังกร พลูด่าง ยางอินเดีย เฟิร์นบอสตัน เขียวหมื่นปี
- ต้นไม้ฟอกอากาศนอกอาคาร : หมากเหลือง วาสนาอธิษฐาน สัปปะสดรี โกสน จั๋ง เศรษฐีเรือนใน
กลไกการฟอกอากาศของต้นไม้
- การสังเคราะห์แสง : เริ่มต้นจากการที่พืชได้รับแสงจากดวงอาทิตย์หรือแสงไฟสังเคราะห์ จากนั้นจึงเกิดการสังเคราะห์แสงขึ้น จนทำให้ปากใบของพืชเปิดและคายน้ำออกมา ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศโดยรอบ จนทำให้สารพิษไหลยังบริเวณรากพืชซึ่งมีจุลินทรีย์อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำหน้าที่ในการย่อยสลายสารพิษที่มากับอากาศให้กลายเป็นอาหารของพืช ซึ่งกลไกลนี้เองจึงทำให้ต้นไม้ฟอกอากาศช่วยเปลี่ยนมลพิษทางอากาศให้เป็นอากาศบริสุทธิ์ได้นั่นเอง
- การดูดซับสารพิษผ่านใบ : ต้นไม้จะใช้ปากใบที่มีรูขุมขนเล็ก ๆ ทำหน้าที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง รวมถึงสารพิษต่าง ๆ ที่อยู่ในอากาศ เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ หรือสารระเหยอื่น ๆ ผ่านปากใบของต้นไม้
- การกรองอากาศผ่านราก : รากพืชทำหน้าที่ในการดูดซับน้ำและสารอาหารจากดิน รวมถึงมีความสามารถในการดูดซับสารพิษที่ถูกลำเลียงจากใบหรือลำต้น และสารพิษบริเวณโดยรอบมาเปลี่ยนเป็นอาหารให้แก่ต้นไม้
- การคายน้ำ : กระบวนการคายน้ำของต้นไม้ฟอกอากาศจะช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ ทำให้อากาศไม่แห้ง และยังช่วยลดอุณหภูมิในบริเวณโดยรอบทำให้เรารู้สึกเย็นสบายมากขึ้น
- การปล่อยออกซิเจน : ผลพลอยได้จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงคือการปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมา ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งทำให้คุณภาพอากาศภายในอาคารสดชื่นขึ้น
ต้นไม้ฟอกอากาศช่วยลดฝุ่นได้จริงไหม
คำตอบสั้น ๆ คือ ต้นไม้ฟอกอากาศช่วยลดฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง “แต่” ไม่สามารถกำจัดฝุ่นได้ทั้งหมด โดยมีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของต้นไม้ฟอกอากาศในการลดมลพิษทางอากาศต่าง ๆ รวมถึงฝุ่นละออง ได้ระบุไว้ว่าพืชมีศักยภาพในการลดความเข้มข้นของก๊าซและสารเคมีบางชนิดที่เป็นมลพิษทางอากาศภายในอาคาร เช่น สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) เบนซิน ไตรคลอโรเอทธิลีน ฟอร์มาลดีไฮด์ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือช่วยลดความเข้มข้นของปริมาณโอโซนในร่ม รวมถึงสารพิษอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงในบทความนี้อีกมากมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของต้นไม้ ขนาดของต้นไม้ ปริมาณฝุ่นในอากาศ และขนาดของพื้นที่ในอาคาร่วมด้วยนั่นเอง
เพราะฉะนั้นการปลูกต้นไม้ฟอกอากาศภายในอาคาร จึงสามารถช่วยลดมลพิษทางอากาศได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถฟอกอากาศภายในอาคารได้เท่ากับเครื่องฟอกอากาศทั่วไป อย่างแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter เป็นต้น
ข้อมูลอ้างอิง : IQAir, จาก https://www.iqair.com/th-en/newsroom/plants-for-purifying-air-debunked
คำแนะนำในการดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ)
การดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคาร หรือ Indoor Air Quality (IAQ) เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย โดยต่อไปนี้คือคำแนะนำในการดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ควรปฏิบัติตามเพื่อให้อากาศภายในสะอาดและเหมาะแก่การหายใจกัน ดังนี้
- ตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคาร : การตรวจวัดปริมาณของฝุ่นละออง ก๊าซ อุณหภูมิ และความชื้นของอากาศที่อยู่ภายในอาคาร เพื่อหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขคุณภาพอากาศภายในอาคารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ตรวจสอบการทำงานของระบบปรับอากาศ HVAC : การตรวจสอบระบบปรับอากาศและระบบระบายอากาศเพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานและการรักษาคุณภาพอากาศภายในอาคาร เช่น แผ่นกรองอากาศ (Air Filter) เป็นต้น
- ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีตัวกรอง HEPA : เลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับขนาดของห้อง และมีแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง (HEPA Filter) ที่สามารถช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 และมลพิษทางอากาศในอากาศได้ดี
- รักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ : การดูแลรักษาความสะอาดภายในอาคาร โดยเฉพาะในบริเวณที่สะสมของฝุ่น เช่น พื้น พรม ผ้าม่าน หรือเฟอร์นิเจอร์ จะช่วยลดความเสี่ยงของการสะสมมลพิษทางอากาศภายในอาคารได้เป็นอย่างดี
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีอันตราย : การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบธรรมชาติหรือสารเคมีที่ไม่เป็นอันตราย ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่มีสารระเหยสูง รวมถึงหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ภายในอาคาร เนื่องจากควันบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและทำให้คุณภาพอากาศแย่ลงนั่นเอง
Q&E INTERNATIONAL บริการตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ)
Q&E INTERNATIONAL ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality : IAQ) ที่มุ่งมั่นให้บริการที่มีคุณภาพสูงสุดแก่ลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าอากาศภายในอาคารที่คุณใช้งานมีความสะอาด ปลอดภัย และปรับปรุงให้มีมาตรฐานที่ดีที่สุด เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยในอาคาร โดยมี 10 รายการสำคัญ สำหรับ IAQ : การตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคาร ของเรา Q&E INTERNATIONAL โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์
สามารถดูรายละเอียดของบริการทดสอบคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ) ได้ ที่นี่ !
ติดต่อเรา Q&E INTERNATIONAL ได้ที่ช่องทาง
Call: 095-748-7312, 081-595-3011
LINE ID: @248hrupy
Facebook: บริษัท คิว แอนด์ อี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
Email: [email protected], [email protected]