ในระบบปรับอากาศ (HVAC) มีการใช้น้ำเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนความร้อนอยู่สองส่วนสำคัญ นั่นคือ “น้ำเย็น” ในการนำความร้อนจากเครื่องส่งลมเย็น หรือ Air Handling Unit (AHU) ไปยังเครื่องทำน้ำเย็น (Chiller) หรือเพื่อนำความเย็นจากเครื่องชิลเลอร์ไปยังเครื่อง AHU และส่วนที่สองคือ “น้ำระบายความร้อน” ซึ่งเป็นการนำความร้อนจากเครื่องทำน้ำเย็น (Chiller) ไปยังหอระบายความร้อน (Cooling Tower)
ซึ่งทั้งสองส่วนคือระบบน้ำ (Water Side System) ที่สำคัญในระบบปรับอากาศ (HVAC) ที่ส่งผ่านความเย็นไปยังส่วนต่าง ๆ ของอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ และถึงแม้ว่าระบบน้ำ Water System จะได้รับการออกแบบและติดตั้งอย่างถูกต้องแล้วก็ตาม “การปรับสมดุลระบบน้ำ (Water Balancing)” คือหนึ่งในกระบวนการสำคัญที่ควรทำเพื่อจำกัดไม่ให้น้ำมีอัตราการไหลมากหรือน้อยเกินไปสำหรับเครื่องปรับอากาศ
โดยการปรับสมดุล Water Balancing นี้จะช่วยให้มีการกระจายน้ำเย็นอย่างสม่ำเสมอไปยังอุปกรณ์ทำความเย็นต่าง ๆ ของระบบปรับอากาศ เช่น เครื่องส่งลมเย็น (AHU) หรือเครื่องทำน้ำเย็น (Chiller) ซึ่งจะส่งผลให้แต่ละพื้นที่ในอาคารได้รับความเย็นตามที่ออกแบบไว้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาในระยะยาวอีกด้วยนั่นเอง
Water-Side System ในระบบปรับอากาศ (HVAC) คืออะไร
ระบบน้ำ (Water System) คือส่วนหนึ่งในระบบปรับอากาศ (HVAC) ที่ทำหน้าที่ในการผลิตน้ำเย็นเพื่อระบายความร้อนสำหรับเครื่องปรับอากาศในอาคาร หรือที่เรียกว่า ระบบน้ำเย็น (Chilled Water System) ที่ช่วยในการถ่ายเทความร้อนออกจากอาคาร โดยมีอุปกรณ์สำคัญได้แก่ เครื่องทำน้ำเย็น (Chiller) หอระบายความร้อน (Cooling Tower) เครื่องสูบน้ําเย็น (Chilled Water Pump) เครื่องสูบน้ำระบายความร้อน (Condenser Water Pump) และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบน้ำ (Water Side) ในระบบ HVAC
บทความเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ :
ทำไมต้องปรับสมดุลระบบน้ำ (Water Balancing) ในระบบปรับอากาศ
การปรับสมดุลและการปรับแต่งระบบน้ำ (Water Side) ในระบบปรับอากาศเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยปรับอัตราการไหลของน้ำให้สามารถกระจายในระบบได้อย่างเหมาะสมไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ซึ่งมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบปรับอากาศ การใช้พลังงาน และความเสียหายของอุปกรณ์ รวมถึงเพื่อทำการตรวจสอบและปรับแต่งให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้อุปกรณ์และเครื่องจักรใช้พลังงานต่ำที่สุดตามที่ได้ออกแบบระบบไว้
ซึ่งหากบางจุดในระบบมีอัตราการไหลของน้ำที่ผิดปกติย่อมส่งผลให้ระบบ HVAC ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ โดยเฉพาะในจุดที่ขาดการไหลของน้ำจนทำให้เครื่องส่งลมเย็น (AHU) ไม่สามารถจ่ายความเย็นได้อย่างเพียงพอ ตลอดจนส่งผลให้ระบบทำงานหนักอย่างสิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วยนั่นเอง
ข้อดีในการปรับแต่งระบบน้ำ (Water System)
- เพิ่มประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศ (HVAC) ทำให้อัตราการไหลของน้ำใน Water System เป็นไปอย่างสมดุล
- ช่วยลดการใช้พลังงานผ่านการปรับสมดุลระบบน้ำเพื่อลดภาระการทำงานหนักของอุปกรณ์และเครื่องจักร และช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้ในระยะยาว
- ลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหากับระบบน้ำ และไม่ให้เกิดปัญหาความผันผวนของอุณหภูมิภายในอาคาร
- ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และลดต้นทุนด้านการบำรุงรักษาระบบต่าง ๆ ตลอดจนความถี่ในการซ่อมบำรุงอุปกรณ์
ข้อเสียหากละเลยการปรับแต่งระบบน้ำ (Water System)
- ประสิทธิภาพการทำความเย็นของระบบปรับอากาศลดลง เนื่องจากอัตราการไหลของน้ำไม่สมดุลจนทำให้อุปกรณ์ในบางจุดของระบบทำงานหนักเกินไปจนส่งผลการทำความเย็นโดยรวม
- สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น เพราะอุปกรณ์ในระบบน้ำต้องทำงานหนักเกินความจำเป็นเพื่อชดเชยการไหลของน้ำที่ไม่สมดุล ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานและเพิ่มค่าใช้จ่ายได้
- เกิดปัญหาการทำงานผิดปกติของระบบปรับอากาศ ทำให้ระบบทำความเย็นไม่สามารถรักษาอุณหภูมิที่ต้องการได้
- อุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบน้ำเสื่อมสภาพและสึกหรอเร็วขึ้น จนเกิดความเสียหายที่ต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ ส่งผลให้มีต้นทุนการซ่อมบำรุงที่สูงขึ้น
การปรับสมดุลน้ำเย็น (Water Balancing) ช่วยประหยัดพลังงานในอาคารได้อย่างไร
การไหลเวียนของน้ำในระบบปรับอากาศ HVAC จะต้องมีความสมดุลและเหมาะสมเพื่อให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยการปรับสมดุลน้ำเย็น (Water Balancing ) หรือระบบน้ำเย็นจะช่วยลดภาระของปั๊มน้ำในระบบเพื่อรักษาแรงดันและอัตราการไหลเวียนของน้ำให้มีความสมดุลและเป็นไปตามที่ออกแบบไว้ เพื่อลดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยการกระจายน้ำเย็นที่เหมาะสมจะทำให้เครื่องทำน้ำเย็น (AHU) ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ซึ่งบางครั้งหากการไหลเวียนของน้ำไม่สมดุล อาจส่งผลให้บางพื้นที่ได้รับน้ำเย็นมากเกินไป ในขณะที่บางจุดอาจได้รับน้ำเย็นน้อยเกินไปจนทำให้เครื่อง AHU ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิที่ต้องการ
อีกทั้งยังช่วยลดการสูญเสียพลังงานในระบบน้ำโดยไม่จำเป็นและช่วยให้การควบคุมอุณหภูมิในอาคารมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดรอบการทำงานของระบบให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ตะกรันหรือสิ่งอุดตันในท่อระบบน้ำเย็นมีผลต่อการทำงานของ Chiller อย่างไร
ตะกรันหรือสิ่งอุดตันในท่อระบบน้ำเย็นเกิดจากการสะสมของแร่ธาตุและสารประกอบที่อยู่ในน้ำ ซึ่งมักเกิดขึ้นจากการระเหยของน้ำในระบบและการสะสมของแร่ธาตุที่ไม่ละลายในน้ำ เมื่อสิ่งเหล่านี้สะสมอยู่ในท่อและแผงระบายความร้อนของเครื่องทำน้ำเย็น (Chiller) จนทำให้เกิดการอุดตันในท่อและทำให้ระบบไม่สามารถหมุนเวียนน้ำได้ตามปกติ ส่งผลให้เครื่องทำน้ำเย็นต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบน้ำผ่านท่อที่อุดตันและเพิ่มภาระให้กับปั๊มน้ำและลดประสิทธิภาพของเครื่องชิลเลอร์
ดังนั้นการตรวจสอบและปรับแต่งระบบน้ำเย็นในระบบปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้อุปกรณ์ป้องกันตะกรัน เช่น ตัวกรองน้ำ หรือการใช้สารเคมีในการป้องกันการสะสมของแร่ธาตุในระบบน้ำเย็น จะช่วยให้เครื่องทำน้ำเย็น (Chiller) และระบบน้ำเย็นสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบได้อย่างยั่งยืน
Q&E INTERNATIONAL บริการปรับแต่งระบบลม (Air System) และระบบน้ำ (Water System) ในระบบปรับอากาศ
Q&E INTERNATIONAL ผู้ให้บริการ “Testing Adjusting and Balancing (TAB)” การทดสอบ (Testing) การปรับแต่ง (Adjusting) และการปรับสมดุล (Balancing) สำหรับระบบลม (Air System) และระบบน้ำ (Water System) ของระบบปรับอากาศ (HVAC) ภายในอาคาร เพื่อให้การทำงานของระบบ HVAC มีประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดพลังงานได้ในในระยะยาวสำหรับอาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม
โดยรับรองมาตรฐานการทดสอบ TAB จากสถาบันที่มีชื่อเสียงอย่าง “NEBB” และเข้าร่วมหลักสูตรวิชาชีพวิศวกรปรับแต่งระบบน้ำ Thai TAB โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้ความสามารถในการปรับแต่งระบบลมและระบบน้ำในระบบปรับอากาศ โดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพสูงสุด
ติดต่อเรา Q&E INTERNATIONAL ได้ที่ช่องทาง
Call: 095-748-7312, 081-595-3011
LINE ID: @248hrupy
Facebook: บริษัท คิว แอนด์ อี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
Email: [email protected], [email protected]