02-019-7296 | 081-595-3011 | 095-748-7312

การวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของชิลเลอร์ (Chiller) สำคัญอย่างไร

การวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของชิลเลอร์ (Chiller) สำคัญอย่างไร

 

ชิลเลอร์ (Chiller) หรือ เครื่องทำความเย็น ถือเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญในระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายสำหรับระบบปรับอากาศในอาคารขนาดใหญ่หรือในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งการทำงานของชิลเลอร์ส่งผลต่อการใช้พลังงานไฟฟ้าในระบบปรับอากาศ โดยเครื่องทำความเย็นที่ไม่มีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่จะส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย 

ดังนั้นการวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของชิลเลอร์จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่เจ้าของอาคารหรือโรงงานควรให้ความสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถระบุจุดที่เครื่องจักรหรือระบบทำความเย็นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งหากปล่อยไว้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำความเย็นของชิลเลอร์และสิ้นเปลืองพลังงานที่มีผลต่อทั้งต้นทุนการดำเนินงานและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมนั่นเอง  

 

ส่วนประกอบสำคัญของระบบทำความเย็น

ส่วนประกอบสำคัญของระบบทำความเย็น

ระบบทำความเย็น (Refrigeration System) เป็นระบบที่ใช้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ (Air Conditioning) และตู้เย็น (Refrigerators) เพื่อลดอุณหภูมิในพื้นที่หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เย็นลงโดยการหมุนเวียนสารทำความเย็นผ่านวงจรในระบบ โดยมีส่วนประกอบสำคัญ ดังนี้ 

  1. คอมเพรสเซอร์ (Compressor) : อุปกรณ์สำคัญที่ทำหน้าที่ในการดูดและอัดสารทำความเย็นเพื่อใช้เพิ่มความดันของสารทำความเย็น โดยทำให้สารทำความเย็นสามารถไหลเวียนได้ครบวงจรของระบบอัดไอ อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานมากที่สุดของพลังงานที่ใช้ทั้งหมดในระบบปรับอากาศมากถึง 80% โดยประมาณ

 

  1. คอนเดนเซอร์ หรือ คอยล์ร้อน (Condenser) : อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ระบายความร้อนออกจาสารทำความเย็นที่ถูกบีบอัดในคอมเพรสเซอร์ โดยการดึงความร้อนออกจากสารทำความเย็น ทำให้สารทำความเย็นเปลี่ยนสถานะจากไอเป็นของเหลวแรงดันสูง โดยสามารถแบ่งได้ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. การระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air Cooled Condenser) 2. การระบายความร้อนด้วยน้ำ (Water Cooled Condenser) 3. การระบายความร้อนด้วยน้ำและอากาศ (Evaporative Condenser)

 

  1. วาล์วลดแรงดัน (Expansion Valve) : อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ลดความดันของสารทำความเย็นหลังจากผ่านคอลย์ร้อน ซึ่งทำให้สารทำความเย็นเปลี่ยนสถานะจากของเหลวความดันสูงเป็นของเหลวผสมไอที่มีความดันต่ำและทำให้อุณหภูมิของสารทำความเย็นต่ำลงด้วย 

 

  1. อุปกรณ์ระเหย หรือ คอยล์เย็น (Evaporator) : อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนจากบริเวณที่ต้องการทำความเย็น ทำให้สารทำความเย็นเดือดและระเหยกลายเป็นไอ ซึ่งเป็นอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนที่มีลักษณะเป็น Shell และ Tube Evaporator 

 

การวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของชิลเลอร์คืออะไร

การวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของชิลเลอร์ (Chiller) คือ การประเมินประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องทำความเย็น โดยการวัดค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจวัดว่าชิลเลอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเปรียบเทียบปริมาณพลังงานที่ใช้ไปกับปริมาณทำความเย็นที่ได้ออกมา โดยการตรวจวัดควรตรวจวัดขณะที่เครื่องทำความเย็นมีภาระสูงสุดและควรตรวจวัดค่าอย่างต่อเนื่อง 2 – 3 ชั่วโมง 

 

ทำไมต้องวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของชิลเลอร์ ?

  • ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน : การตรวจพบและแก้ไขปัญหาที่ทำให้ชิลเลอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าในระบบปรับอากาศ โดยชิลเลอร์ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงจะใช้พลังงานน้อยลงในการผลิตความเย็น จึงส่งผลให้ค่าไฟฟ้าลดลงและช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้ในระยะยาว

 

  • ยืดอายุการใช้งานของชิลเลอร์ : การตรวจวัดและรักษาประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องทำความเย็นอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์และลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด ทำให้ชิลเลอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น

 

  • ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในระบบทำความเย็นจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในระบบปรับอากาศได้อย่างยั่งยืนและมีส่วนช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย   

 

  • ปรับปรุงการทำงานและประสิทธิภาพของระบบ : การตรวจวัดประสิทธิภาพของชิลเลอร์จะช่วยให้สามารตรวจพบปัญหาและแก้ไขได้ทัน ทำให้ระบบสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของอาคาร

 

ข้อมูลในการตรวจวัดประสิทธิภาพเครื่องทำความเย็น

รายละเอียดในการตรวจวัดประสิทธิภาพของเครื่องทำความเย็น (Chiller) ที่สำคัญมีดังต่อไปนี้ 

  • อัตราการไหลน้ำเย็นและน้ำระบายความร้อน
  • อุณหภูมิน้ำเย็นขาเข้าและขาออก
  • กำลังไฟฟ้าเครื่องคอมเพรสเซอร์ 
  • อุณหภูมิและความชื้นสัมพันธ์ของอากาศแวดล้อม

 

วิธีการการวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของชิลเลอร์

การวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของชิลเลอร์เป็นกระบวนการสำคัญในการประเมินว่าเครื่องทำความเย็นสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพในแง่ของการใช้พลังงานได้มากน้อยเพียงใด โดยทั่วไปวิธีการวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของชิลเลอร์สามารถทำได้ดังนี้ 

1. ตรวจวัดและบันทึกค่าพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น 

  • อุณหภูมิปรับตั้ง (Set Point)
  • อุณหภูมิแวดล้อม (Ambient Temperature)
  • สภาพการระบายความร้อน (Approach Temperature)

 

2. ตรวจวัดและบันทึกค่ากำลังไฟฟ้า เช่น แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า หรือค่าตัวประกอบกำลังไฟฟ้าเพื่อหาค่าเฉลี่ยของกำลังไฟฟ้าที่ใช้งาน

 

3. ตรวจวัดและบันทึกค่าอุณหภูมิน้ำเย็นขาเข้า Chilled Return Water Temperature (TCHR) และอุณหภูมิน้ำเย็นค่าออก Chilled Supply Water Temperature (TCHS) ซึ่งมีหน่วยเป็นองศาฟาเรนไฮต์ (°F)

 

4. เมื่อวัดและบันทึกค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ อย่างครบถ้วนจึงมาคำนวณหาค่าความสามารถในการทำความเย็นของเครื่องทำความเย็นและค่าความเย็นที่ได้ ดังสมการนี้ 

สมการหาค่าความสามารถในการทำความเย็นของเครื่องทำความเย็นและค่าความเย็นที่ได้

ซึ่งอัตราการไหลของน้ำเย็นหรือค่า m สามารถหาได้โดยการตรวจวัดอัตราการไหลของน้ำเย็นในท่อส่งน้ำเย็นด้วยเครื่องวัด Ultrasonic Flow Meter ซึ่งมีวิธีการตรวจวัดดังนี้ 

  • วัดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อน้ำเย็น เพื่อใช้ประกอบการตั้งค่าในเครื่องวัดอัตราการไหลของน้ำ
  • ตั้งค่าขนาดท่อและอุณหภูมิของน้ำลงในเครื่องวัดอัตราการไหล ซึ่งเครื่องจะกำหนดระยะห่างของการติดตั้งหัววัด
  • ทำการติดตั้งหัววัดที่ท่อน้ำเย็นและบันทึกค่าอัตราการไหลของน้ำเย็นที่ตรวจวัดได้  โดยค่าที่นำมาใช้แสดงผล คือ ค่าอัตราการไหลของน้ำ ซึ่งประกอบไปด้วย 2 หน่วย คือ หน่วยลิตรต่อนาที (l/min.) และ หน่วยแกลลอนต่อนาที (Gal/min.)

 

การคำนวณค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องทำความเย็น คือ อัตราส่วนของกำลังไฟฟ้าที่ใช้ต่อความเย็นที่ได้ โดยมีหน่วยเป็น กิโลวัตต์ต่อตันความเย็น (kW/TR) ซึ่งควรมีค่าไม่สูงเกินกว่า 20% ของค่าพิกัดของเครื่องทำความเย็น สำหรับค่าที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับความสามารถในการทำความเย็น ไม่ควรเกิน 2.4 แกลลอนต่อนาทีต่อตันความเย็น

 

ข้อมูลอ้างอิง : iEnergy Guru, จาก https://youtu.be/Omth3gpNVp4?si=3FFxjCx7_Ib0u-_v

 

ขอแนะนำบทความที่น่าสนใจ : 

ความสำคัญของการปรับแต่งระบบน้ำ (Chilled Water System) ในระบบปรับอากาศ

 

Q&E INTERNATIONAL ให้บริการตรวจวัดประสิทธิภาพ Chiller 

Q&E INTERNATIONAL ให้บริการตรวจวัดประสิทธิภาพ Chiller 

“มั่นใจในประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องทำความเย็น ด้วยบริการตรวจวัดประสิทธิภาพชิลเลอร์ (Chiller) จาก Q&E INTERNATIONAL”

ทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านการตรวจวัดและประเมินประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องทำความเย็น (Chiller) ด้วยเครื่องมือวัดที่ทันสมัยและแม่นยำที่สุดให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ไม่จำเป็นของระบบปรับอากาศภายในอาคารหรือโรงงานด้วยบริการที่คุณไว้วางใจได้

 

ติดต่อเรา Q&E INTERNATIONAL ได้ที่ช่องทาง

Call: 095-748-7312, 081-595-3011

LINE ID: @248hrupy

Facebook: บริษัท คิว แอนด์ อี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 

Email: [email protected], [email protected]

Share :

ข่าวสารที่น่าสนใจ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า