02-019-7296 | 081-595-3011 | 095-748-7312

สารระเหย VOCs ภัยแฝงในอากาศที่อาจเป็นสารก่อมะเร็ง อยู่ใกล้คุณกว่าที่คิด

สารระเหย VOCs ภัยแฝงในอากาศที่อาจเป็นสารก่อมะเร็ง อยู่ใกล้คุณกว่าที่คิด

ในชีวิตประจำวันของเราต่างต้องเผชิญกับมลพิษทางอากาศอย่างเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางอากาศทั้งภายนอกหรือ มลพิษทางอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Pollution) แล้วรู้หรือไม่ว่าสารระเหย VOCs (Volatile Organic Compounds) มักแฝงตัวอยู่ในอากาศรอบตัวเราที่พบได้ทั่วไปทั้งในบ้าน ที่ทำงาน และสิ่งแวดล้อมภายนอกอาคาร ซึ่งเป็นสารระเหยที่เป็นอันตรายหากได้รับในปริมาณมากสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงถึงขั้นเป็นสารก่อมะเร็งได้ ซึ่งสาร VOCs สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายแหล่งที่มาไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สีทาบ้าน หรือแม้กระทั่งจากการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับสาร VOCs แหล่งที่มาของเกิดการสารระเหย ตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม 

 

สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) คืออะไร

Volatile Organic Compounds หรือ VOCs คือ สารอินทรีย์ระเหยง่าย ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก รวมถึงสารประเภทอื่น ๆ เช่น ไฮโดรเจน ออกซิเจน ฟลูออไรด์ คลอไรด์ โบรไมด์ ซัลเฟอร์ ไนโตรเจน อะลิฟาติก (Aliphatic) อะโรเมติก (Aromatic) คาร์บอนิล (อัลดีไฮด์ คีโตน) และกลุ่มแอลกอฮอล์ที่สามารถระเหยเป็นไอหรือก๊าซได้ง่ายและกระจายตัวไปในอากาศได้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 25 องศาเซลเซียส หรือมีความดันไอ (Vapor Pressure) มากกว่า 0.14 มิลลิเมตรปรอท

ซึ่งสารระเหย VOCs ที่อยู่ในบรรยากาศถือเป็นอากาศพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ของน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติที่ปลดปล่อยออกมาจากการประกอบกิจการของภาคอุตสาหกรรมการผลิต ไอเสียจากยานพาหนะ แหล่งกำจัดขยะ หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันที่ปะปนอยู่ในอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ตลอดจนสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสาร VOCs ที่ลอยตัวอยู่ในบรรยากาศสามารถส่งผลต่อชั้นโอโซนทำให้เกิดปฏิกิริยา Photochemical Smog ที่ทำให้ชั้นโอโซนเข้าใกล้โลกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต  และเป็นตัวออกซิไดส์ทำให้สิ่งก่อสร้างชำรุด หรือทำให้ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำลงอีกด้วย

 

ประเภทของสารระเหย VOCs มีอะไรบ้าง 

สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) สามารถแบ่งประเภทได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ การแบ่งประเภทตามลักษณะของโมเลกุล และการแบ่งประเภทตามลักษณะของโครงสร้าง ดังต่อไปนี้

 

  • ประเภทของสาร VOCs ตามลักษณะของโมเลกุล

 

    • กลุ่ม Non-Chlorinated VOCs : หรือ Non-Halogenated Hydrocarbons ซึ่งเป็นกลุ่มไฮโดรคาร์บอนระเหยที่ไม่มีธาตุคลอรีนเป็นองค์ประกอบในโมเลกุล โดยเกิดจากการเผาไหม้ต่าง ๆ ในสิ่งแวดล้อม เช่น พลาสติก วัสดุ กองขยะ สารทำละลาย หรือควันไฟและเชื้อเพลิง เป็นต้น ตัวอย่างสารในกลุ่มนี้ได้แก่ สารกลุ่ม Aliphatic Hydrocarbons, สารกลุ่ม Aromatic Hydrocarbons หรือสารกลุ่ม Alcohols, Aldehyde และ Ketone เป็นต้น 
    • กลุ่ม Chlorinated VOCs : หรือ Halogenated Hydrocarbons ซึ่งเป็นกลุ่มไฮโดรคาร์บอนระเหยที่มีธาตุคลอรีนเป็นองค์ประกอบในโมเลกุล โดยสารกลุ่มนี้มีความเป็นพิษและความเสถียรตัวในสิ่งแวดล้อมมากกว่าสารกลุ่ม Non-Chlorinated VOCs เนื่องจากมีโครงสร้างระหว่างคาร์บอนและธาตุกลุ่มฮาโลเจนที่มีความคงตัวสูง ทำให้ยากต่อการสลายตัวจนเกิดการสะสมในสิ่งแวดล้อมได้นานและมีปริมาณมาก ตัวอย่างสารในกลุ่มนี้ได้แก่ Tetrachloroethane, Dichloroethane หรือ Carbon Tetrachloride เป็นต้น

 

  • ประเภทของสาร VOCs ตามลักษณะของโครงสร้าง 

 

    • กลุ่มอะลิฟาติกไฮโดรคาร์บอน (Aliphatic Hydrocarbons) : สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีอะตอมของคาร์บอนต่อกันเป็นโซ่ตรง (Straight Chain) โซ่กิ่งสาขา (Branched Chain) หรือเป็นวง (Cyclic) เช่น เพนเทน (Pantane) เฮ็กเซน (Hexane) หรือเฮปเทน (Haptane) เป็นต้น
    • กลุ่มอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Aromatic Hydrocarbons) : สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีลักษณะโครงสร้างทางเคมีที่มีคาร์บอนต่อกันเป็นวงแหวนเบนซีน (Benzene Ring) ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ละลายน้ำ เช่น เบนซีน (Benzene) โทลูอีน (Toluene) และไซลีน (Xylenes) เป็นต้น
    • กลุ่มออกซิเจน (Oxygenated) : สารที่มีออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ เช่น สารอะซิโตน (Acetone) และสารคีโตน (Ketones) เป็นต้น

 

แหล่งที่มาของสาร VOCs เกิดขึ้นจากอะไร

แหล่งที่มาของสาร VOCs เกิดขึ้นจากอะไร

สารระเหย VOCs เกิดขึ้นจากแหล่งต่าง ๆ มากมายทั้งจากแหล่งธรรมชาติและจากการปลดปล่อยในแหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น

  • การย่อยสลายของซากพืชและสัตว์ : ซากพืชซากสัตว์ที่ตายแล้วแบคทีเรียจะย่อยสลายซากเหล่านี้และปล่อยสาร VOCs ออกมา เช่น มีเทน (Methane) เอทิลีน (Ethylene) เป็นต้น
  • การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรม : การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลหรือเชื้อเพลิงที่ไม่สะอาดในกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท เช่น น้ำมัน ถ่านหิน หรือก๊าซธรรมชาติในการผลิตสี กาว หรือเคมีภัณฑ์ทำความสะอาด รวมถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะมีการปล่อย VOCs ออกมาเช่นเดียวกัน 
  • การเผาไม้ของเชื้อเพลิงในยานพาหนะ : การเผาไหม้ของน้ำมันหรือเชื้อเพลิงที่ใช้ในยานพาหนะหรือที่เรียกว่าไอเสียจากท่อรถยนต์สามารถทำให้เกิดการปล่อยสารระเหย VOCs ในอากาศได้
  • การระเหยจากวัสดุก่อสร้าง : วัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ล้วนมีสาร VOCs เป็นส่วนประกอบ ซึ่งสามารถระเหยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศได้ เช่น สีทาบ้าน แลคเกอร์ ทินเนอร์ ไม้อัด ยิปซัม กระเบื้องยาง น้ำยาฟอกสี หรือสารกันบูดไม้ เป็นต้น
  • การระเหยจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน : ผลิตภัณฑ์หรือกิจกรรมที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั้งในบ้านหรืออาคารสำนักงานสามารถปล่อยสารระเหย VOCs ออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นจากควันบุหรี่ น้ำหอม สเปรย์แต่งผม น้ำยาสำหรับย้อมผมและน้ำยาดัดผม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หมึกพิมพ์ หรือจากเฟอร์นิเจอร์บางชนิด เป็นต้น
  • กิจกรรมทางการเกษตรและการทิ้งขยะ  : การใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า หรือการทิ้งขยะลงในหลุมฝังกลบเมื่อขยะย่อยสลายจึงทำให้เกิดการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่ายออกมาได้เช่นเดียวกัน

 

ผลกระทบของสาร VOCs

ผลกระทบของสาร VOCs

 

  • ผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์

สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) สามารถเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ได้ 3 ทาง ได้แก่ ทางเดินหายใจ (Respiratory) โดยการสูดดมไอระเหย (Vapour) ทางผิวหนัง (Skin Absorption) โดยการดูดซึมผ่านทางผิวหนัง และทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Tract) โดยการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของสารระเหย VOCs 

เมื่อร่างกายได้รับสารอินทรีย์ระเหยง่ายเข้าไปสามารถทำให้เกิดพิษต่อร่างกายได้ ซึ่งความรุนแรงขึ้นอยู่กับระยะเวลาและปริมาณที่ร่างกายได้รับ โดยมีผลกระทบในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้

    • พิษแบบเฉียบพลัน (Acute Effects) : การได้รับสารระเหย VOCs ในระดับความเข้มข้นสูง จะมีพิษเฉียบพลันทำให้ร่างกายเกิดความระคายเคืองต่อตา ผิวหนัง และเยื่อบุอ่อนของระบบทางเดินหายในและระบบเดินทางอาหาร ตลอดจนระบบประสาทแบบเฉียบพลัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณและระดับความเข้มข้นของสารระเหยที่ร่างกายได้รับ ซึ่งอาจมีอาการดังต่อไปนี้ เช่น ปวดศีรษะ หน้ามืด  ตาลาย หายใจเร็ว ระคายเคืองตา จมูก และลำคอ หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น
    • พิษแบบเรื้อรัง (Chronic Effects) : สารอินทรีย์ระเหยง่ายส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายเมื่อได้รับสารระเหยเป็นระยะเวลานานแม้จะอยู่ในระดับความเข้มข้นต่ำก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นระบบไหลเวียนของเลือด ระบบการทำงานของหัวใจ ตับและไต ระบบสมอง ประสาทและกล้ามเนื้อ ระบบประสาทการได้ยิน ระบบสืบพันธุ์ที่อาจทำให้แท้งบุตรหรือเด็กพิการ ตลอดจนสาร VOCs บางชนิดอาจเป็นสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย เช่น สารเบนซีน (Benzene) เป็นต้น

 

ความเป็นพิษในรูปแบบของสารก่อมะเร็ง จากการศึกษาทางระบาดวิทยาและกรณีศึกษาพบว่าการสัมผัสกับเบนซีน (Benzene) มีความสัมพันธ์กับการเกิด Acute Myelogenous Leukemia (AML) เมื่อร่างกายสัมผัสและสะสมสารเบนซีนเป็นเวลานานสามารถเป็นสารก่อมะเร็งต่อร่างกายของมนุษย์ได้ 

 

  • ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

สารระเหย VOCs มีส่วนสำคัญที่เป็นตัวการทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในหลากหลายด้านทั้งด้านคุณภาพอากาศ คุณภาพดิน คุณภาพน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน ตลอดจนส่งผลกระทบต่อพืชและระบบนิเวศน์ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

    • ด้านคุณภาพอากาศ : การแพร่กระจายของสารระเหย VOCs ก่อให้เกิดปัญหาต่อคุณภาพอากาศ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่มีการดูดซับพลังงานแสงจนเป็น “หมอกผสมควัน” (Photochemical Smog) โดยการรวมตัวของสาร VOCs กับออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ที่ถูกกระตุ้นด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดก๊าซโอโซนที่ระดับพื้นผิวซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของหมอกควันพิษ (Smog) และสารอื่นซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ซัลเฟอร์ไดออกไซด เป็นต้น

 

    • ด้านคุณภาพดิน : การปนเปื้อนของสาร VOCs โดยการรั่วไหลหรือถูกปล่อยบนผิวดินจะเกิดการเคลื่อนที่ผ่านชั้นดินและดูดซับจนสะสมในดิน จนส่งผลกระทบต่อคุณภาพและจุลินทรีย์ในดิน รวมถึงพืชที่เพาะปลูกอีกด้วย


    • ด้านคุณภาพน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน : การรั่วไหลของสารระเหย VOCs ลงสู่แหล่งน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของแหล่งน้ำธรรมชาติทำให้แหล่งน้ำเกิดความเป็นพิษ จนพืชและสัตว์น้ำไม่สามารถอยู่อาศัยได้และส่งผลต่อระบบนิเวศน์ในแหล่งน้ำ รวมถึงส่งผลต่อการผุกร่อนของถังน้ำมันในถังเก็บใต้ดินที่ส่วนมากผลิตจากเหล็ก จนทำให้เกิดการรั่วไหลของถังน้ำมันหรือบริเวณท่อและข้อต่อต่าง ๆ จนน้ำมันรั่วไหลลงสู่ดินและซึมลงสู่น้ำใต้ดินได้


    • ด้านระบบนิเวศน์ และพืช : สารอินทรีย์ระเหยง่ายมีส่วนทำให้การเจริญเติบโตของพืชหยุดชะงัก เติบโตช้าหรืออาจตายได้ เนื่องจากสาร VOCs ไปทำลายคลอโรฟิลล์และการสังเคราะห์แสง รวมถึงทำให้ระบบนิเวศในธรรมชาติเสียสมดุล เมื่อสารระเหยซึมลงสู่แหล่งน้ำหรือดินจนทำให้พืชและสัตว์ไม่สามารถอยู่ได้ จนการเจริญเติบโตของพืชลดลง ป่าไม้ไม่เจริญงอกงาม และความสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าลดลงนั่นเอง

 

อุตสาหกรรมที่มีการปล่อยสารระเหย VOCs 

อุตสาหกรรมหลายประเภทมีการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งสาร VOCs เหล่านี้สามารถมาจากกระบวนการผลิต การใช้ผลิตภัณฑ์ และการกำจัดของเสีย ซึ่งมีอุตสาหกรรมที่ปล่อย VOCs ดังต่อไปนี้ ได้แก่

  1. อุตสาหกรรมประเภทอู่ซ่อมรถยนต์ พ่นสีรถยนต์
  2. อุตสาหกรรมประเภทเฟอร์นิเจอร์ไม้ และทำเครื่องไม้
  3. อุตสาหกรรมประเภทพลาสติก
  4. อุตสาหกรรมประเภทเบญจรงค์ และเซรามิก
  5. อุตสาหกรรมประเภทฟอกย้อมและฟอกสีและสิ่งทอ
  6. อุตสาหกรรมประเภทสิ่งพิมพ์
  7. อุตสาหกรรมประเภทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  8. อุตสาหกรรมประเภทล้างทำความสะอาดโลหะ เครื่องจักร
  9. อุตสาหกรรมประเภทบรรจุตัวทำละลาย และเคมีภัณฑ์
  10. อุตสาหกรรมประเภทผลิตปุ๋ย / ยาฆ่าแมลง / ยากำจัดศัตรูพืช
  11. อุตสาหกรรมประเภทบำบัดคัดแยกกากของเสีย
  12. อุตสาหกรรมประเภทซักรีด

 

ข้อมูลอ้างอิง : 

  1. สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2555). คู่มือวิชาการ เรื่อง สารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ (Volatile Organic Compounds : VOCs), จาก https://env.anamai.moph.go.th/web-upload/migrated/files/env/n513_2ab2878f2a72fb61feedcf51190be398_a017.pdf
  2. สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2549). โรคพิษ สารทำละลายอินทรีย์, จาก http://nopparat.go.th/occmednop/document/book/BookOrganicSolvent.pdf
  3. IQAir. (2559). สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย, จาก https://www.iqair.com/th/newsroom/volatile-organic-compounds

 

บริการตรวจสอบคุณภาพอากาศ (Indoor Air Quality : IAQ) กับ Q&E INTERNATIONAL    

บริการตรวจสอบคุณภาพอากาศ (Indoor Air Quality : IAQ) กับ Q&E INTERNATIONAL    

คุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ) มีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้คนในอาคาร ซึ่งการรักษาคุณภาพอากาศให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เรา “Q&E INTERNATIONAL” มุ่งมั่นที่จะ ให้บริการตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality : IAQ) อย่างมืออาชีพ ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ พร้อมกับการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการทดสอบที่ทันสมัย ด้วยมาตรฐานที่ใช้อ้างอิงในการทดสอบจากกรมอนามัยและมาตรฐาน ASHRAE ในระดับสากล 

โดยบริการตรวจสอบคุณภาพอากาศของ Q&E INTERNATIONAL ครอบคลุมทั้ง 10 รายการสำคัญ สำหรับ IAQ : การตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคาร โดยมีการวัดค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ เช่น ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) ฟอร์มาลดีไฮด์ (HCHO) ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5 / PM10) รวมถึงสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา เป็นต้น 

 

ติดต่อเรา Q&E INTERNATIONAL ได้ที่ช่องทาง

Call: 095-748-7312, 081-595-3011

LINE ID: @248hrupy

Facebook: บริษัท คิว แอนด์ อี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 

Email: [email protected], [email protected]

Share :

ข่าวสารที่น่าสนใจ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า