หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องควบคุมในห้องคลีนรูม นั่นคือ อุณหภูมิ (Temperature) และความชื้นสัมพัทธ์ (Relative Humidity) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อกระบวนการผลิต ความปลอดภัย การเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ ตลอดจนสภาพแวดล้อมในการทำงานสำหรับบุคลากรที่อยู่ในห้องคลีนรูม
โดยอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่ไม่เหมาะสมใน Cleanroom สามารถสร้างผลกระทบหลากหลายด้าน เช่น การปนเปื้อนจากเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งเกิดจากความชื้นที่สูงเกินไปจนกลายเป็นแหล่งสะสมของจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อน การเกิดไฟฟ้าสถิต (ESD) หรือการเสื่อมสภาพของวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการผลิตที่อาจเกิดจากไฟฟ้าสถิตเนื่องจากความชื้นต่ำเกินไปจนสร้างความเสียหายต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในการผลิตนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านี้การควบคุมอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการทำงานของเครื่องจักร อุปกรณ์ รวมถึงพนักงานและบุคลากรที่ทำงานในห้องคลีนรูม เนื่องจากความแปรปรวนของอุณหภูมิและความชื้นในห้องอาจทำให้อุปกรณ์เกิดความผิดพลาดหรือเสื่อมสภาพไวกว่าที่ควร นอกจากนี้ยังทำให้เจ้าหน้าที่ใน Cleanroom รู้สึกไม่สบายตัวและส่งต่อประสิทธิภาพการทำงานอีกด้วย
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสะอาดของห้องคลีนรูม
“ความสะอาด” คือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับห้องคลีนรูมที่ใช้งานในอุตสาหกรรมที่ต้องการความสะอาด ปราศจากสิ่งปนเปื้อนเพื่อกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพสูง หรือการใช้งานทางการแพทย์ โดยก่อนอื่นเรามารู้จักกันก่อนว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการรักษาความสะอาดภายในห้องคลีนรูม เช่น
- อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ (Temperature and Relative Humidity)
อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสะอาดของห้องคลีนรูมโดยตรง หากความชื้นที่ต่ำเกินไปอาจก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Discharge: ESD) ซึ่งเป็นอันตรายต่อการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ผลิตในห้องคลีนรูม แต่ในขณะเดียวกันความชื้นที่สูงเกินไปสามารถทำให้เกิดการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียใน Cleanroom ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยสำหรับอุตสาหกรรมยาและอาหาร ดังนั้นจึงต้องควบคุมอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ให้เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาข้างต้น โดยขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานในการผลิตและข้อกำหนดด้านมาตรฐานสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม
- อัตราการหมุนเวียนอากาศ (Air Changes per Hour : ACH)
อัตราการหมุนเวียนอากาศ (ACH) หรือปริมาณของอากาศภายในห้องคลีนรูมที่ถูกหมุนเวียนเข้า-ออกหรือมีการเปลี่ยนแปลงของอากาศในห้องดังกล่าวในเวลา 1 ชั่วโมง (โดยทั่วไป) ซึ่งมีผลต่อการควบคุมอุณหภูมิและความชื้น รวมถึงการสะสมของอนุภาคและฝุ่นละอองในอากาศที่อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อน ตัวอย่างเช่น ห้องคลีนรูมทั่วไปต้องการค่าอยู่ที่ 20 – 60 ACH เป็นต้น
- ความดันอากาศ (Air Pressure)
“ความดันอากาศ” ในห้องคลีนรูมถูกควบคุมให้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน โดยห้องที่มีความดันอากาศบวก (Positive Pressure) จะช่วยป้องกันไม่ให้อากาศปนเปื้อนจากภายนอกเข้ามา เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่เน้นความสะอาดเป็นหลัก เช่น การผลิตยา ส่วนห้องความดันลบ (Negative Pressure) เหมาะสำหรับใช้ในงานที่ต้องควบคุมการแพร่กระจายของสารอันตราย เช่น ห้องวิจัยเกี่ยวกับเชื้อโรค เป็นต้น
- คนและอุปกรณ์ในห้องคลีนรูม (People and Equipment)
คนและอุปกรณ์ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งปนเปื้อนในห้องคลีนรูม เนื่องจากการเคลื่อนไหวของมนุษย์อาจทำให้เกิดอนุภาคฝุ่นในอากาศ รวมถึงการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Cleanroom สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนได้นั่นเอง ดังนั้นจึงต้องมีการฝึกอบรมพนักงาน และสวมใส่ชุดและอุปกรณ์ที่เหมาะสม ตลอดจนเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานคลีนรูม
- การออกแบบห้องคลีนรูม (Cleanroom Design)
การออกแบบห้องคลีนรูมและเลือกใช้วัสดุที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนและความสะอาดได้ เช่น การเลือกใช้วัสดุผนังและพื้นผิวที่ลดการสะสมของฝุ่น หรือการออกแบบระบบปรับอากาศ HVAC เพื่อควบคุมการไหลเวียนอากาศให้เหมาะสม ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงมาตรฐาน ISO 14644 และข้อกำหนด GMP ในการออกแบบห้องคลีนรูมอีกด้วย
บทความแนะนำที่น่าสนใจ :
- สาเหตุและที่มาของสิ่งปนเปื้อน (Contaminants) ในห้องคลีนรูม (Cleanroom)
- รวมเรื่องที่ต้องรู้ก่อนสร้างห้องคลีนรูม (Cleanroom) ให้ได้มาตรฐานสากล
ความสำคัญของอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในห้องคลีนรูม
อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความสะอาด ประสิทธิภาพการทำงาน และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในห้องคลีนรูม (Cleanroom) โดยการควบคุมสองปัจจัยนี้ให้เหมาะสมจะช่วยป้องกันปัญหาการปนเปื้อน การเสื่อมสภาพของวัสดุอุปกรณ์ และความเสียหายต่อกระบวนการผลิต รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับพนักงานและอุปกรณ์ที่ใช้งาน
โดยความชื้นสัมพัทธ์สามารถนำไปสู่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนในห้องคลีนรูมได้ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของห้องคลีนรูมลดลง รวมถึงทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตง่ายขึ้น เกิดการกัดกร่อนของโลหะ การควบแน่นของไอน้ำ หรือประจุไฟฟ้าสถิตขึ้นได้นั่นเอง
การควบคุมอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในห้องคลีนรูม
การควบคุมอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ (Relative Humidity) ใน Cleanroom เป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาความสะอาดและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยการควบคุมปัจจัยเหล่านี้ให้เหมาะสม จะช่วยป้องกันการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้ เช่น
- การใช้ระบบปรับอากาศ HVAC ที่มีประสิทธิภาพ : ระบบ HVAC (Heating, Ventilation, and Air Conditioning) เป็นระบบหลักในการควบคุมอุณหภูมิและความชื้น โดยการเพิ่ม-ลดอุณหภูมิและความชื้นในอากาศสำหรับ Cleanroom ด้วยการปรับเปลี่ยนค่าพารามิเตอร์ตามสภาพแวดล้อมที่ต้องการ
- การใช้ตัวกรองอากาศคุณภาพสูง : การควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ให้มีประสิทธิภาพต้องทำงานร่วมกับตัวกรองอากาศ เช่น แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter หรือเครื่องลดความชื้นแบบดูดซับ Desiccant Dehumidifiers เป็นต้น
- การใช้เซ็นเซอร์และคอนโทรลเลอร์อัตโนมัติ : การติดตั้งระบบเซ็นเซอร์พร้อมตัวควบคุมแบบอัตโนมัติจะช่วยตรวจวัดค่าอุณหภูมิและความชื้น รวมถีงปรับค่าพารามิเตอร์ให้คงที่ และสามารถตรวจสอบพร้อมควบคุมได้จากระยะไกล เช่น ระบบควบคุมแบบ PLC หรือ การเชื่อมต่อเทคโนโลยี IoT เป็นต้น
การทดสอบอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในห้องคลีนรูม
การทดสอบอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ (Temperature and Relative Humidity Tests) เป็นหนึ่งในขั้นตอนการทดสอบห้องคลีนรูม (Cleanroom Testing) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นภายใน Cleanroom ให้เป็นไปตามความเหมาะสมหรือความต้องการของกระบวนการผลิตในแต่ละอุตสาหกรรมที่ใช้งานคลีนรูม
ซึ่งมีเหตุผลที่ต้องทำการทดสอบเพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้นของระบบปรับอากาศ และการออกแบบระบบทำความเย็น รวมถึงตรวจสอบความผิดปกติของช่องแอร์หรือช่องลม และเพื่อตรวจเช็กอุณหภูมิเเละความชื้นในห้องเพื่อป้องกันการเกิดสนิมหรือเชื้อราที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนเพื่อบำรุงรักษาระบบระบายอากาศที่ใช้งานสำหรับห้องคลีนรูม
ขั้นตอนในการทดสอบอุณหภูมิและความชื้น
- ตรวจสอบความสมบูรณ์โดยทำการทดสอบ การปรับแต่ง และการปรับสมดุลของระบบปรับอากาศ : Testing Adjusting and Balancing (TAB) ก่อนดำเนินการทดสอบนี้
- ระบบปรับอากาศ HVAC จะต้องทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเริ่มทำการทดสอบ
- ทำการแบ่งพื้นที่ทดสอบเป็นตารางขนาดไม่เกิน 40 ตารางเมตร และทำการวัดค่าอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์อย่างน้อย 1 ตำแหน่ง
- ให้โพรบของมิเตอร์อยู่ที่ความสูง 1,000 mm จากพื้น และวัดที่ระยะ 150 mm เหนือสิ่งกีดขวาง
- ทำการบันทึกค่าอย่างน้อยทุก ๆ 1 นาที สำหรับการทดสอบ
Q&E INTERNATIONAL บริการทดสอบห้องคลีนรูม ตามมาตรฐาน NEBB / ISO 14644
การทดสอบประสิทธิภาพห้องคลีนรูม (Cleanroom Performance Testing : CPT) เป็นกระบวนการสำคัญในการยืนยันว่าห้องคลีนรูมสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้ตรงตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผู้ที่มองหาผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ “Q&E INTERNATIONAL” เราคือผู้ให้บริการทดสอบห้องคลีนรูม (Cleanroom Testing) ตามมาตรฐาน CPT ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยการดำเนินงานที่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน NEBB (National Environmental Balancing Bureau) และ ISO 14644 สำหรับการทดสอบห้องคลีนรูม
โดยให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การทดสอบห้องคลีนรูมเบื้องต้น (Primary Test) และการทดสอบห้องคลีนรูมเพิ่มเติม (Secondary Test) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสภาพแวดล้อมในห้องคลีนรูมจะพร้อมรองรับการผลิตและการดำเนินงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ติดต่อเรา Q&E INTERNATIONAL ได้ที่ช่องทาง
Call: 095-748-7312, 081-595-3011
LINE ID: @248hrupy
Facebook: บริษัท คิว แอนด์ อี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
Email: [email protected], [email protected]