Chiller Plant หรือระบบทำความเย็นที่ใช้ในโรงงานหรืออาคารขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ (Centralized Air Conditioning Systems) ที่ใช้เครื่องทำความเย็นหรือชิลเลอร์ (Chiller) ในการผลิตน้ำเย็นเพื่อช่วยในการปรับอากาศ ควบคุมความชื้น และรักษาคุณภาพของอากาศในพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือใช้ผลิตน้ำเย็นเพื่อนำไปใช้ในการระบายความร้อนให้กับเครื่องจักร อุปกรณ์ต่าง ๆ ตลอดจนใช้ในโรงงานที่มีห้องเย็นหรือห้องแช่แข็งตามระบบทำความเย็นที่แตกต่างกันออกไปให้ได้ตามอุณหภูมิที่ต้องการ รูปแบบการทำความเย็น และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความเย็นนั่นเอง
โดยระบบทำความเย็น (Chiller Plant) ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้อาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรมสามารถควบคุมอุณหภูมิภายในได้เป็นอย่างดี ช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และลดการใช้พลังงานภายในโรงงานได้ในระยะยาว ดังนั้นผู้ประกอบการจึงไม่ควรละเลยที่จะใส่ใจในการตรวจสอบการทำงานของระบบ Chiller Plant เพื่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบและช่วยประหยัดพลังงานได้ในระยะยาว
บทความเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ :
- ความสำคัญของการปรับแต่งระบบน้ำ (Chilled Water System) ในระบบปรับอากาศ
- การวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของชิลเลอร์ (Chiller) สำคัญอย่างไร
ระบบผลิตน้ำเย็น (Chiller Plant) คืออะไร
ระบบผลิตน้ำเย็น หรือ Chiller Plant คือระบบที่ออกแบบมาเพื่อผลิตน้ำเย็นและจ่ายไปยังระบบทำความเย็นสำหรับพื้นที่ต่าง ๆ ของโรงงานและอาคารขนาดใหญ่ โดยการใช้เครื่องทำความเย็นที่เรียกว่า “ชิลเลอร์” (Chiller) ในการผลิตน้ำเย็นโดยการลดอุณหภูมิของน้ำให้เย็นลง ซึ่งน้ำเย็นนี้จะถูกส่งไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ผ่านระบบท่อสู่อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger) เพื่อใช้ในระบบปรับอากาศ การระบายความร้อน หรือการทำความเย็นในกระบวนการผลิต ซึ่งระบบทำความเย็น Chiller Plant มักจะถูกใช้งานในอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ โรงพยาบาล โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น
ส่วนประกอบสำคัญของ Chiller Plant
ระบบ Chiller Plant ประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลักหลายอย่างที่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างกระบวนการทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพ แต่ละส่วนมีบทบาทสำคัญในกระบวนการทำให้ระบบสามารถลดอุณหภูมิและควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับการใช้งานในโรงงานและอาคารอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- เครื่องทำความเย็น (Chiller Unit) : เครื่องทำความเย็นที่ใช้ในการลดอุณหภูมิของน้ำ โดยการดูดซับความร้อนจากน้ำที่ต้องการทำความเย็นและส่งสารทำความเย็นผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้สารทำความเย็นเปลี่ยนสถานจากของเหลวไปเป็นก๊าซและกลับมาเป็นของเหลวอีกครั้งขึ้นอยู่กับวิธีการระบายความร้อนที่ใช้ เช่น Air-Cooled Chiller และ Water-Cooled Chiller
- หอระบายน้ำเย็น (Cooling Tower) : อุปกรณ์ที่ใช้ระบายความร้อนที่ได้รับจากชิลเลอร์ โดยทำหน้าที่ช่วยลดอุณหภูมิของน้ำที่ถูกใช้งานใน Chiller Unit ซึ่งน้ำที่มีอุณหภูมิสูงจะถูกส่งเข้าไปใน Cooling Tower ซึ่งจะมีการไหลเวียนของอากาศเพื่อช่วยทำให้ความร้อนที่อยู่ในน้ำระบายออกไป ขณะเดียวกันน้ำที่เย็นลงจะถูกส่งกลับไปยังชิลเลอร์เพื่อใช้งานต่อ
- เครื่องสูบน้ำ (Pump) : ปั๊มน้ำที่ใช่ในการส่งน้ำเย็นไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ระบบปรับอากาศหรือเครื่องจักรที่ต้องการความเย็น และยังทำหน้าที่ในการส่งน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกลับมายัง Chiller เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องในระบบทำความเย็น
- ระบบท่อ (Piping System) : ระบบท่อที่ทำหน้าที่ส่งน้ำเย็นและน้ำร้อนระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ ของ Chiller Plant เพื่อให้มีการไหลเวียนของน้ำในระบบได้อย่างราบรื่นตามจุดต่าง ๆ
- ระบบควบคุม (Control System) : ระบบควบคุมทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบ Chiller Plant ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกันเพื่อบริหารจัดการอุณหภูมิและความดันในระบบอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมตามความต้องการใช้งาน
การแบ่งประเภทระบบทำความเย็นในโรงงาน
ระบบทำความเย็น (Chiller Plant) ในโรงงานมีหลายประเภท ซึ่งการเลือกใช้ระบบใดจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยทั่วไปสามารถแบ่งระบบทำความเย็นในโรงงานได้ตามหลักดังต่อไปนี้
ประเภทระบบทำความเย็นตามลักษณะการทำงาน
1. ระบบทำความเย็นแบบปฐมภูมิ (Primary Refrigeration)
ระบบทำความเย็นด้วยสารทำความเย็น (Refrigerant) ที่ทำงานโดยตรงกับอุปกรณ์ทำความเย็น เช่น
- ระบบทำความเย็นที่ใช้ทำน้ำเย็น (Chiller)
- ระบบทำความเย็นสำหรับปรับอากาศ (Air-Condition) ด้วยสารทำความเย็น เช่น สารทำความเย็นประเภท Freon
- ระบบทำความเย็นสำหรับห้องเย็นและห้องแช่แข็ง (Cold Storage Room and Freezing Room) ด้วยสารทำความเย็น เช่น Freon-22 และสารแอมโมเนีย
2. ระบบทำความเย็นแบบทุติยภูมิ (Secondary Refrigeration)
ระบบทำความเย็นด้วยการใช้สารทำความเย็นให้กับตัวกลาง (Media) เมื่อสารตัวกลาง (Cooling Media) ถูกทำให้เย็นแล้วจะถูกนำไปใช้ทำความเย็นอีกต่อหนึ่ง เช่น น้ำเกลือ หรือ Glycol เป็นต้น
ประเภทระบบทำความเย็นตามการจ่ายและควบคุมสารทำความเย็น
1. Thermostatic Expansion Valve : ลิ้นลดความดันชนิดควบคุมด้วยความร้อน เป็นตัวควบคุมการจ่ายสารทำความเย็นด้วยหลักการทำงานของเอ็กเพ็นชั่นวาล์ว (Expansion Valve) ซึ่งควบคุมการทำงานด้วยความร้อนที่ออกจากเครื่องระเหย (Evaporator)
2. Direct Injection Valve : ระบบควบคุมการจ่ายสารทำความเย็นโดยอาศัยขนาดของวาล์วแบ่ง และมีการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมระดับสารทำความเย็นเอาไว้ภายใน เพื่อป้องกันการจ่ายสารทำความเย็นมากเกินไป
3. Flooded System : ระบบควบคุมปริมาณสารทำความเย็นที่จ่ายให้กับระบบทำความเย็นด้วยอุปกรณ์ควบคุมระดับสารทำความเย็น (Liquid Level Controller) โดยสารทำความเย็นจะเก็บไว้ในอีวาโปเรเตอร์ (Evaporator)
4. Pump Re-circulation : ระบบการจ่ายสารทำความเย็นที่ถูกทำให้มีอุณหภูมิต่ำ โดยการสูบสารทำความเย็นในการบังคับให้สารทำความเย็นไหลวนในระบบเพื่อทำความเย็น
ข้อมูลอ้างอิง : HARN Engineering Solutions, จาก https://www.harn.co.th/articles/maintenance-cooling-system-in-factories-for-effectiveness/
ตรวจวัดการใช้พลังงานของเครื่องทำความเย็น (Chiller) หรือระบบทำความเย็น (Chiller Plant) โดย Q&E INTERNATIONAL
การตรวจวัดการใช้พลังงาน (Energy Audit) ของเครื่องทำความเย็น (Chiller) หรือระบบทำความเย็น (Chiller Plant) เป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพการทำงานและหาจุดที่สามารถปรับปรุงเพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงานในระบบทำความเย็น Chiller Plant สำหรับอาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมความยั่งยืนด้านพลังงานอีกด้วย
“Q&E INTERNATIONAL” เราคือผู้ให้บริการด้านการตรวจวัดและประเมินการใช้พลังงานในระบบ Chiller Plant ที่สามารถช่วยโรงงานหรืออาคารต่าง ๆ ในการวิเคราะห์และปรับปรุงการทำงานของระบบทำความเย็น (Chiller Plant) ในระบบปรับอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัยในการทดสอบ
ติดต่อเรา Q&E INTERNATIONAL ได้ที่ช่องทาง
Call: 095-748-7312, 081-595-3011
LINE ID: @248hrupy
Facebook: บริษัท คิว แอนด์ อี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
Email: [email protected], [email protected]