02-019-7296 | 081-595-3011 | 095-748-7312

Room Leakage Test สำคัญอย่างไร? ทำไมต้องทำการทดสอบรอยรั่วในอาคาร

Room Leakage Test สำคัญอย่างไร? ทำไมต้องทำการทดสอบรอยรั่วในอาคาร

การรั่วไหลของอากาศ หรือการไหลของอากาศผ่านช่องว่างและรอยแยกของโครงสร้างอาคาร เช่น รอยรั่วตามขอบหน้าต่าง ประตู ผนัง ฝ้าเพดาน หรือรอยต่อของโครงสร้างภายในอาคาร ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจหรือความไม่สมบูรณ์แบบของโครงสร้าง จนทำให้อากาศสามารถไหลเข้าและออกจากอาคารได้โดยไม่ผ่านระบบระบายอากาศตามที่ออกแบบไว้ 

ซึ่งการรั่วไหลของอากาศดังกล่าวส่งผลทำให้ระบบปรับอากาศ (HVAC) ภายในอาคารทำงานหนักขึ้น เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในให้คงที่จนทำให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงานและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงส่งผลต่อปัญหาคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ) เนื่องจากอากาศที่รั่วไหลจากภายนอกเข้ามาภายในอาจนำพาพวกฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ หรือมลพิษทางอากาศเข้ามาสู่ภายในอาคารได้อีกด้วยนั่นเอง

ดังนั้นการทดสอบรอยรั่วของอากาศภายในห้องที่เรียกว่า “Room Leakage Test” หรือ “Air Leakage Test” จึงมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบรอยรั่วและป้องกันปัญหาดังกล่าว เพื่อตรวจสอบว่ามีจุดใดที่อากาศสามารถรั่วไหลเข้า-ออกภายในห้องได้บ้าง ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้เจ้าของอาคารหรือเจ้าของโครงการสามารถระบุจุดที่ต้องปรับปรุงหรือซ่อมแซมเพื่อลดการสูญเสียพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศ ลดอัตราการรั่วไหลของอากาศ และปรับปรุงการควบคุมแรงดันภายในห้องให้เป็นไปตามที่มาตรฐานกำหนดไว้ สำหรับการใช้งานห้องต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างอาคารใหม่ การต่อเติมห้อง หรือการใช้งานห้องที่ต้องการควบคุมสภาวะอากาศอย่างศูนย์ข้อมูล (Data Center) หรือห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Room) เป็นต้น

 

Room Leakage Test คืออะไร?

Room Leakage Test คืออะไร?

Room Leakage Test คือ การทดสอบรอยรั่วของอากาศในห้องเพื่อตรวจสอบว่าการติดตั้งและการประกอบห้องหรือช่องรอยต่อต่าง ๆ ได้รับการปิดผนึกอย่างถูกต้องและการดำเนินงานทั้งหมดเป็นไปตามการออกแบบที่วางไว้ โดยเฉพาะในห้องที่ให้ความสำคัญต่อการควบคุมสภาพอากาศและแรงดันอากาศ เช่น ห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Room) หรือ Data Center รวมถึงห้องหรืออาคารที่ก่อสร้างและต่อเติมใหม่ 

โดยการทดสอบรอยรั่ว Air Leakage Test นี้จะช่วยลดอัตราการรั่วไหลของอากาศ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของอากาศในห้องแรงดันลบออกสู่ภายนอก ซึ่งช่วยลดการสูญเสียปริมาณอากาศและปรับปรุงการควบคุมแรงดันภายในห้อง เพื่อให้ห้องหรือาคารสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น 

ซึ่งการทดสอบ Room Leakage Test จะต้องดำเนินการโดยบริษัทหรือผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่ได้มาตรฐานเช่น “NEBB” รวมถึงอัตราการรั่วไหลของอากาศในห้องจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น ASTM E779-10, ATTMA TSL1 & TSL2, CGSB 149.10, EN13829 และ USACE เป็นต้น

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง “ความดันอากาศ” ได้ที่บทความ : 

 

วัตถุประสงค์ของการทำ Room Leakage Test

การตรวจสอบรอยรั่วของอากาศในอาคาร หรือ Air Leakage Test มีวัตถุประสงค์หลักที่ต้องดำเนินการทดสอบ ดังต่อไปนี้ได้แก่

  • ตรวจสอบหาจุดรั่วไหลของอากาศ : การทดสอบรอยรั่วนี้จะช่วยให้สามารถระบุจุดที่มีการรั่วไหลของอากาศภายในอาคาร ไม่ว่าจะเป็นรอยรั่วตามขอบหน้าต่าง ประตู หรือรอยต่อของโครงสร้างอาคาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบปรับอากาศ HVAC และการควบคุมสภาพแวดล้อมโดยรวม

 

  • ลดการสูญเสียพลังงานและค่าใช้จ่าย : อากาศที่รั่วไหลในอาคารเกิดจากการแทรกซึมผ่านช่องว่างหรือรอยต่อของโครงสร้างอาคาร ซึ่งเมื่อเกิดการรั่วไหลของอากาศเข้าและออกมากเกินไป ยิ่งส่งผลต่อภาระการทำงานหนักของระบบปรับอากาศและระบายอากาศในอาคารจนสิ้นเปลืองพลังงาน ตลอดจนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการตรวจสอบรอยรั่วจะช่วยระบุและแก้ไขรอยรั่ว เพื่อลดภาระของระบบปรับอากาศ HVAC และประหยัดพลังงานได้นั่นเอง

 

  • ปรับปรุงคุณภาพอากาศและเพิ่มความรู้สึกสบายให้แก่ผู้ใช้งานอาคาร : การทำ Room Leakage Test จะช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศภายในห้องสะอาด ปลอดภัย และป้องกันการรั่วไหลของอากาศจากภายนอกที่อาจนำพาฝุ่นละออง หรือมลพิษทางอากาศเข้าสู่ภายในห้องจนทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายหรือส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้งานอาคารได้

 

  • ประเมินประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศ : การทดสอบรอยรั่ว Leakage Test จะช่วยตรวจวัดความสามารถของระบบ HVAC ในการรักษาแรงดันภายในห้องและควบคุมการไหลเวียนของอากาศได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยทำให้ทราบว่าระบบระบายอากาศสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่

 

อาคารประเภทใดที่ควรทำการตรวจสอบรอยรั่ว

  • การก่อสร้างอาคารใหม่หรือการต่อเติมอาคาร : การทดสอบรอยรั่วเพื่อให้มั่นใจว่าการก่อสร้างห้องหรืออาคารได้เป็นไปตามมาตรฐานและสามารถควบคุมคุณภาพอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีการรั่วไหลของอากาศที่เกิดจากช่องว่างตามรอยต่อ เช่น ประตู หน้าต่าง ผนัง หรือโครงสร้างอาคาร รวมถึงช่วยป้องกันความเสียหายของโครงสร้างอาคารได้ในระยะยาว


  • สถานพยาบาลหรือห้องคลีนรูม (Cleanroom) : ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยทางเคมี ชีวภาพ หรือทางการแพทย์ รวมถึงห้องปลอดเชื้อหรือห้องคลีนรูมในโรงพยาบาล จำเป็นจะต้องรักษาความสะอาดและควบคุมการไหลของอากาศอย่างเคร่งครัด ซึ่งการรั่วไหลของอากาศอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนภายใน และส่งผลกระทบต่อคุณภาพของงานวิจัย การรักษาพยาบาล หรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของบุคลากรและผู้ป่วยได้นั่นเอง


  • ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Room) : ศูนย์ข้อมูลและห้องเซิร์ฟเวอร์เป็นพื้นที่ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างเข้มงวด หากมีการรั่วไหลของอากาศอาจทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบปรับอากาศทำงานหนักเกินไป จนส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเซิร์ฟเวอร์และเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน อีกทั้งการรั่วไหลของอากาศอาจทำให้ฝุ่นและความชื้นเข้าสู่ระบบจนส่งผลต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในได้อีกด้วย


  • อาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรม : อาคารสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น หรือแรงดันอากาศ หากมีการรั่วไหลของอากาศมากเกินไปย่อมส่งผลให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงาน และส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศ รวมถึงอาจเกิดการปนเปื้อนในกระบวนการผลิต จนส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์และอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสินค้าหรือเครื่องจักร

 

การทดสอบรอยรั่วด้วยเครื่องมือ Door Fan Test 

การทดสอบรอยรั่วด้วยเครื่องมือ Door Fan Test 

การทดสอบรอยรั่วของอากาศภายในอาคารด้วยการใช้เครื่องมือ Door Fan Test ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการทดสอบ Room Leakage Test โดยการใช้พัดลมแรงดันสูงในการทำหน้าที่จ่ายอากาศเข้าสู่ภายในอาคารหรือสร้างแรงดันอากาศภายใน โดยทำการสร้างแรงดันบวกเพื่อดันอากาศออก และสร้างแรงดันลบเพื่อดูดอากาศออก 

ผ่านการติดตั้ง Blower Door Fan บริเวณกรอบประตูโดยใช้ผ้าใบปิดล้อมขอบประตูให้แนบสนิท จากนั้นจึงทำการตรวจจับการรั่วไหลของอากาศโดยใช้อุปกรณ์วัดการไหลของอากาศและเซ็นเซอร์วัดค่าความดัน เพื่อวัดความแตกต่างของแรงดันอากาศระหว่างภายในและภายนอกอาคาร และทำการคำนวณอัตราการรั่วไหลซึ่งแสดงถึงปริมาณอากาศที่รั่วไหลผ่านรอยรั่วต่างๆ ในอาคาร เพื่อระบุจุดที่ต้องแก้ไขและปรับปรุงปัญหารอยรั่วของอากาศตามขอบประตูและหน้าต่าง รอยต่อระหว่างแผ่นฉนวนหรือโครงสร้าง ช่องระบายอากาศ หรือรอยต่อของระบบท่ออากาศ (Duct System) เป็นต้น

 

การตรวจสอบรอยรั่วช่วยประหยัดพลังงานในอาคารได้อย่างไร 

การทดสอบรอยรั่วของอากาศ (Air Leakage Test) เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยในการประหยัดพลังงานภายในอาคาร โดยช่วยลดการสูญเสียพลังงานที่เกิดจากการรั่วไหลของอากาศผ่านช่องว่าง รอยแตก และรอยรั่วต่างๆ ในอาคาร ซึ่งช่วยลดการสูญเสียความร้อนและความเย็น ลดภาระของระบบปรับอากาศ HVAC และช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศ อีกทั้งยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้อาคารได้ในระยะยาวอีกด้วยนั่นเอง

 

มาตรฐานและข้อกำหนดสำคัญในการทดสอบรอยรั่ว

การทดสอบ Room Leakage Test มีมาตรฐานและข้อกำหนดที่หลากหลายเพื่อให้การทดสอบรอยรั่วเป็นไปอย่างถูกต้องและแม่นยำ โดยมีการกำหนดวิธีการทดสอบ เกณฑ์การวัดผล และอัตราค่าการรั่วไหลที่ยอมรับได้แตกต่างกันตามประเภทของอาคารและวัตถุประสงค์ของการทดสอบ โดยมีมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 

  • ASTM E779-10 : มาตรฐานฉบับที่กำหนดวิธีการใช้เครื่องมือสร้างแรงดันอากาศ Door Fan Test เพื่อวัดอัตราการรั่วไหลของอากาศภายในอาคาร เพื่อวิเคราะห์ปัญหาด้านพลังงานและคุณภาพอากาศภายในอาคาร 


  • ATTMA TSL1 & TSL2 : มาตรฐานที่กำหนดขั้นตอนการทดสอบรอยรั่วของอากาศ รวมถึงแนวทางการคำนวณค่าการรั่วไหลเพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานของอาคารได้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ TSL1 สำหรับอาคารที่อยู่อาศัย และ TSL2 สำหรับอาคารพาณิชย์และอุตสาหกรรม


  • CGSB 149.10 : มาตรฐานของแคนาดาที่มุ่งเน้นวิธีการวัดการรั่วไหลของอากาศในอาคารที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ โดยใช้เครื่องมือ Door Fan Test หรือหลักการวัดแรงดันที่เกิดขึ้นระหว่างภายในและภายนอกอาคารเพื่อหาค่าการไหลของอากาศ


  • EN 13829 : มาตรฐานของยุโรปที่กำหนดวิธีการทดสอบการรั่วไหลของอากาศโดยใช้ Door Fan Test และเป็นมาตรฐานที่ถูกนำไปใช้ในหลายประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเพื่อวิเคราะห์และออกแบบอาคารให้มีความหนาแน่นของอากาศสูงเพื่อลดการสูญเสียพลังงาน


  • USACE : มาตรฐานของกองทัพบกสหรัฐฯ โดยมีข้อกำหนดสำหรับการทดสอบรอยรั่วในอาคารของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารที่มีความสำคัญด้านความมั่นคง อาคารที่มีความปลอดภัยสูงและมีประสิทธิภาพด้านพลังงาน

 

ข้อดีและข้อเสียหากไม่ได้ทำ Room Leakage Test

ข้อดีของการทำ Room Leakage Test

  • ช่วยควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ)
  • ลดการสิ้นเปลืองพลังงานและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศ HVAC
  • ป้องกันปัญหาความรู้สึกไม่สบายและอุณหภูมิที่ไม่สมดุลของผู้ใช้อาคาร
  • เพิ่มความสามารถในการควบคุมการระบายอากาศภายในอาคาร
  • ปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับอาคาร
  • ลดความเสี่ยงต่อความเสียหายของอาคารได้ในระยะยาว

 

ข้อเสียหากไม่ทำ Room Leakage Test

  • สิ้นเปลืองพลังงาน ทำให้เสียค่าใช้จ่ายด้านพลังงานโดยไม่จำเป็น
  • เพิ่มภาระทำให้ระบบปรับอากาศทำงานหนักขึ้นเมื่อมีการรั่วไหลของอากาศ
  • เกิดปัญหาคุณภาพอากาศหรือมลพิษทางอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Pollution)
  • ลดประสิทธิภาพการควบคุมอุณหภูมิและการระบายอากาศของอาคาร
  • เสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราเนื่องจากความชื้นจากภายนอกเข้าสู่ตัวอาคาร
  • ส่งผลกระทบต่ออายุการใช้งานของระบบ HVAC และโครงสร้างอาคารได้ในระยะยาว

 

Q&E INTERNATIONAL ให้บริการทดสอบ Room Leakage Test

Q&E INTERNATIONAL ให้บริการทดสอบ Room Leakage Test

Q&E INTERNATIONAL ให้บริการทดสอบรอยรั่วของอากาศในห้อง (Room Leakage Test) โดยการใช้เครื่องมือ Door Fan Test ที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ในการตรวจสอบรอยรั่วของอากาศ

โดยให้บริการทดสอบ Room Leakage Test สำหรับ : 

  • การก่อสร้างหรือต่อเติมอาคารใหม่ ในระหว่างหรือหลังการก่อสร้างอาคารใหม่ เพื่อป้องกันปัญหาการรั่วไหลของอากาศ
  • ห้องคลีนรูม ห้องปลอดเชื้อ สถานพยาบาล หรือพื้นที่ที่ต้องมีการควบคุมคุณภาพอากาศสูง
  • ศูนย์ข้อมูล (Data Center) หรือห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Room) ที่ต้องการการควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างเข้มงวด
  • และอาคารประเภทอื่น ๆ ที่ต้องการตรวจสอบรอยรั่วของอากาศเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร

 

ติดต่อเรา Q&E INTERNATIONAL ได้ที่ช่องทาง

Call: 095-748-7312, 081-595-3011

LINE ID: @248hrupy

Facebook: บริษัท คิว แอนด์ อี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 

Email: [email protected], [email protected]

Share :

ข่าวสารที่น่าสนใจ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า