การรั่วไหลของอากาศ หรือการไหลของอากาศผ่านช่องว่างและรอยแยกของโครงสร้างอาคาร เช่น รอยรั่วตามขอบหน้าต่าง ประตู ผนัง ฝ้าเพดาน หรือรอยต่อของโครงสร้างภายในอาคาร ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจหรือความไม่สมบูรณ์แบบของโครงสร้าง จนทำให้อากาศสามารถไหลเข้าและออกจากอาคารได้โดยไม่ผ่านระบบระบายอากาศตามที่ออกแบบไว้
ซึ่งการรั่วไหลของอากาศดังกล่าวส่งผลทำให้ระบบปรับอากาศ (HVAC) ภายในอาคารทำงานหนักขึ้น เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในให้คงที่จนทำให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงานและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงส่งผลต่อปัญหาคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ) เนื่องจากอากาศที่รั่วไหลจากภายนอกเข้ามาภายในอาจนำพาพวกฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ หรือมลพิษทางอากาศเข้ามาสู่ภายในอาคารได้อีกด้วยนั่นเอง
ดังนั้นการทดสอบรอยรั่วของอากาศภายในห้องที่เรียกว่า “Room Leakage Test” หรือ “Air Leakage Test” จึงมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบรอยรั่วและป้องกันปัญหาดังกล่าว เพื่อตรวจสอบว่ามีจุดใดที่อากาศสามารถรั่วไหลเข้า-ออกภายในห้องได้บ้าง ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้เจ้าของอาคารหรือเจ้าของโครงการสามารถระบุจุดที่ต้องปรับปรุงหรือซ่อมแซมเพื่อลดการสูญเสียพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศ ลดอัตราการรั่วไหลของอากาศ และปรับปรุงการควบคุมแรงดันภายในห้องให้เป็นไปตามที่มาตรฐานกำหนดไว้ สำหรับการใช้งานห้องต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างอาคารใหม่ การต่อเติมห้อง หรือการใช้งานห้องที่ต้องการควบคุมสภาวะอากาศอย่างศูนย์ข้อมูล (Data Center) หรือห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Room) เป็นต้น
Room Leakage Test คืออะไร?
Room Leakage Test คือ การทดสอบรอยรั่วของอากาศในห้องเพื่อตรวจสอบว่าการติดตั้งและการประกอบห้องหรือช่องรอยต่อต่าง ๆ ได้รับการปิดผนึกอย่างถูกต้องและการดำเนินงานทั้งหมดเป็นไปตามการออกแบบที่วางไว้ โดยเฉพาะในห้องที่ให้ความสำคัญต่อการควบคุมสภาพอากาศและแรงดันอากาศ เช่น ห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Room) หรือ Data Center รวมถึงห้องหรืออาคารที่ก่อสร้างและต่อเติมใหม่
โดยการทดสอบรอยรั่ว Air Leakage Test นี้จะช่วยลดอัตราการรั่วไหลของอากาศ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของอากาศในห้องแรงดันลบออกสู่ภายนอก ซึ่งช่วยลดการสูญเสียปริมาณอากาศและปรับปรุงการควบคุมแรงดันภายในห้อง เพื่อให้ห้องหรือาคารสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น
ซึ่งการทดสอบ Room Leakage Test จะต้องดำเนินการโดยบริษัทหรือผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่ได้มาตรฐานเช่น “NEBB” รวมถึงอัตราการรั่วไหลของอากาศในห้องจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น ASTM E779-10, ATTMA TSL1 & TSL2, CGSB 149.10, EN13829 และ USACE เป็นต้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง “ความดันอากาศ” ได้ที่บทความ :
วัตถุประสงค์ของการทำ Room Leakage Test
การตรวจสอบรอยรั่วของอากาศในอาคาร หรือ Air Leakage Test มีวัตถุประสงค์หลักที่ต้องดำเนินการทดสอบ ดังต่อไปนี้ได้แก่
- ตรวจสอบหาจุดรั่วไหลของอากาศ : การทดสอบรอยรั่วนี้จะช่วยให้สามารถระบุจุดที่มีการรั่วไหลของอากาศภายในอาคาร ไม่ว่าจะเป็นรอยรั่วตามขอบหน้าต่าง ประตู หรือรอยต่อของโครงสร้างอาคาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบปรับอากาศ HVAC และการควบคุมสภาพแวดล้อมโดยรวม
- ลดการสูญเสียพลังงานและค่าใช้จ่าย : อากาศที่รั่วไหลในอาคารเกิดจากการแทรกซึมผ่านช่องว่างหรือรอยต่อของโครงสร้างอาคาร ซึ่งเมื่อเกิดการรั่วไหลของอากาศเข้าและออกมากเกินไป ยิ่งส่งผลต่อภาระการทำงานหนักของระบบปรับอากาศและระบายอากาศในอาคารจนสิ้นเปลืองพลังงาน ตลอดจนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการตรวจสอบรอยรั่วจะช่วยระบุและแก้ไขรอยรั่ว เพื่อลดภาระของระบบปรับอากาศ HVAC และประหยัดพลังงานได้นั่นเอง
- ปรับปรุงคุณภาพอากาศและเพิ่มความรู้สึกสบายให้แก่ผู้ใช้งานอาคาร : การทำ Room Leakage Test จะช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศภายในห้องสะอาด ปลอดภัย และป้องกันการรั่วไหลของอากาศจากภายนอกที่อาจนำพาฝุ่นละออง หรือมลพิษทางอากาศเข้าสู่ภายในห้องจนทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายหรือส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้งานอาคารได้
- ประเมินประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศ : การทดสอบรอยรั่ว Leakage Test จะช่วยตรวจวัดความสามารถของระบบ HVAC ในการรักษาแรงดันภายในห้องและควบคุมการไหลเวียนของอากาศได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยทำให้ทราบว่าระบบระบายอากาศสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่
อาคารประเภทใดที่ควรทำการตรวจสอบรอยรั่ว
- การก่อสร้างอาคารใหม่หรือการต่อเติมอาคาร : การทดสอบรอยรั่วเพื่อให้มั่นใจว่าการก่อสร้างห้องหรืออาคารได้เป็นไปตามมาตรฐานและสามารถควบคุมคุณภาพอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีการรั่วไหลของอากาศที่เกิดจากช่องว่างตามรอยต่อ เช่น ประตู หน้าต่าง ผนัง หรือโครงสร้างอาคาร รวมถึงช่วยป้องกันความเสียหายของโครงสร้างอาคารได้ในระยะยาว
- สถานพยาบาลหรือห้องคลีนรูม (Cleanroom) : ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยทางเคมี ชีวภาพ หรือทางการแพทย์ รวมถึงห้องปลอดเชื้อหรือห้องคลีนรูมในโรงพยาบาล จำเป็นจะต้องรักษาความสะอาดและควบคุมการไหลของอากาศอย่างเคร่งครัด ซึ่งการรั่วไหลของอากาศอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนภายใน และส่งผลกระทบต่อคุณภาพของงานวิจัย การรักษาพยาบาล หรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของบุคลากรและผู้ป่วยได้นั่นเอง
- ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Room) : ศูนย์ข้อมูลและห้องเซิร์ฟเวอร์เป็นพื้นที่ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างเข้มงวด หากมีการรั่วไหลของอากาศอาจทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบปรับอากาศทำงานหนักเกินไป จนส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเซิร์ฟเวอร์และเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน อีกทั้งการรั่วไหลของอากาศอาจทำให้ฝุ่นและความชื้นเข้าสู่ระบบจนส่งผลต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในได้อีกด้วย
- อาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรม : อาคารสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น หรือแรงดันอากาศ หากมีการรั่วไหลของอากาศมากเกินไปย่อมส่งผลให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงาน และส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศ รวมถึงอาจเกิดการปนเปื้อนในกระบวนการผลิต จนส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์และอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสินค้าหรือเครื่องจักร
การทดสอบรอยรั่วด้วยเครื่องมือ Door Fan Test
การทดสอบรอยรั่วของอากาศภายในอาคารด้วยการใช้เครื่องมือ Door Fan Test ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการทดสอบ Room Leakage Test โดยการใช้พัดลมแรงดันสูงในการทำหน้าที่จ่ายอากาศเข้าสู่ภายในอาคารหรือสร้างแรงดันอากาศภายใน โดยทำการสร้างแรงดันบวกเพื่อดันอากาศออก และสร้างแรงดันลบเพื่อดูดอากาศออก
ผ่านการติดตั้ง Blower Door Fan บริเวณกรอบประตูโดยใช้ผ้าใบปิดล้อมขอบประตูให้แนบสนิท จากนั้นจึงทำการตรวจจับการรั่วไหลของอากาศโดยใช้อุปกรณ์วัดการไหลของอากาศและเซ็นเซอร์วัดค่าความดัน เพื่อวัดความแตกต่างของแรงดันอากาศระหว่างภายในและภายนอกอาคาร และทำการคำนวณอัตราการรั่วไหลซึ่งแสดงถึงปริมาณอากาศที่รั่วไหลผ่านรอยรั่วต่างๆ ในอาคาร เพื่อระบุจุดที่ต้องแก้ไขและปรับปรุงปัญหารอยรั่วของอากาศตามขอบประตูและหน้าต่าง รอยต่อระหว่างแผ่นฉนวนหรือโครงสร้าง ช่องระบายอากาศ หรือรอยต่อของระบบท่ออากาศ (Duct System) เป็นต้น
การตรวจสอบรอยรั่วช่วยประหยัดพลังงานในอาคารได้อย่างไร
การทดสอบรอยรั่วของอากาศ (Air Leakage Test) เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยในการประหยัดพลังงานภายในอาคาร โดยช่วยลดการสูญเสียพลังงานที่เกิดจากการรั่วไหลของอากาศผ่านช่องว่าง รอยแตก และรอยรั่วต่างๆ ในอาคาร ซึ่งช่วยลดการสูญเสียความร้อนและความเย็น ลดภาระของระบบปรับอากาศ HVAC และช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศ อีกทั้งยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้อาคารได้ในระยะยาวอีกด้วยนั่นเอง
มาตรฐานและข้อกำหนดสำคัญในการทดสอบรอยรั่ว
การทดสอบ Room Leakage Test มีมาตรฐานและข้อกำหนดที่หลากหลายเพื่อให้การทดสอบรอยรั่วเป็นไปอย่างถูกต้องและแม่นยำ โดยมีการกำหนดวิธีการทดสอบ เกณฑ์การวัดผล และอัตราค่าการรั่วไหลที่ยอมรับได้แตกต่างกันตามประเภทของอาคารและวัตถุประสงค์ของการทดสอบ โดยมีมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
- ASTM E779-10 : มาตรฐานฉบับที่กำหนดวิธีการใช้เครื่องมือสร้างแรงดันอากาศ Door Fan Test เพื่อวัดอัตราการรั่วไหลของอากาศภายในอาคาร เพื่อวิเคราะห์ปัญหาด้านพลังงานและคุณภาพอากาศภายในอาคาร
- ATTMA TSL1 & TSL2 : มาตรฐานที่กำหนดขั้นตอนการทดสอบรอยรั่วของอากาศ รวมถึงแนวทางการคำนวณค่าการรั่วไหลเพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานของอาคารได้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ TSL1 สำหรับอาคารที่อยู่อาศัย และ TSL2 สำหรับอาคารพาณิชย์และอุตสาหกรรม
- CGSB 149.10 : มาตรฐานของแคนาดาที่มุ่งเน้นวิธีการวัดการรั่วไหลของอากาศในอาคารที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ โดยใช้เครื่องมือ Door Fan Test หรือหลักการวัดแรงดันที่เกิดขึ้นระหว่างภายในและภายนอกอาคารเพื่อหาค่าการไหลของอากาศ
- EN 13829 : มาตรฐานของยุโรปที่กำหนดวิธีการทดสอบการรั่วไหลของอากาศโดยใช้ Door Fan Test และเป็นมาตรฐานที่ถูกนำไปใช้ในหลายประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเพื่อวิเคราะห์และออกแบบอาคารให้มีความหนาแน่นของอากาศสูงเพื่อลดการสูญเสียพลังงาน
- USACE : มาตรฐานของกองทัพบกสหรัฐฯ โดยมีข้อกำหนดสำหรับการทดสอบรอยรั่วในอาคารของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารที่มีความสำคัญด้านความมั่นคง อาคารที่มีความปลอดภัยสูงและมีประสิทธิภาพด้านพลังงาน
ข้อดีและข้อเสียหากไม่ได้ทำ Room Leakage Test
ข้อดีของการทำ Room Leakage Test
- ช่วยควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ)
- ลดการสิ้นเปลืองพลังงานและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน
- ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศ HVAC
- ป้องกันปัญหาความรู้สึกไม่สบายและอุณหภูมิที่ไม่สมดุลของผู้ใช้อาคาร
- เพิ่มความสามารถในการควบคุมการระบายอากาศภายในอาคาร
- ปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับอาคาร
- ลดความเสี่ยงต่อความเสียหายของอาคารได้ในระยะยาว
ข้อเสียหากไม่ทำ Room Leakage Test
- สิ้นเปลืองพลังงาน ทำให้เสียค่าใช้จ่ายด้านพลังงานโดยไม่จำเป็น
- เพิ่มภาระทำให้ระบบปรับอากาศทำงานหนักขึ้นเมื่อมีการรั่วไหลของอากาศ
- เกิดปัญหาคุณภาพอากาศหรือมลพิษทางอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Pollution)
- ลดประสิทธิภาพการควบคุมอุณหภูมิและการระบายอากาศของอาคาร
- เสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราเนื่องจากความชื้นจากภายนอกเข้าสู่ตัวอาคาร
- ส่งผลกระทบต่ออายุการใช้งานของระบบ HVAC และโครงสร้างอาคารได้ในระยะยาว
Q&E INTERNATIONAL ให้บริการทดสอบ Room Leakage Test
Q&E INTERNATIONAL ให้บริการทดสอบรอยรั่วของอากาศในห้อง (Room Leakage Test) โดยการใช้เครื่องมือ Door Fan Test ที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ในการตรวจสอบรอยรั่วของอากาศ
โดยให้บริการทดสอบ Room Leakage Test สำหรับ :
- การก่อสร้างหรือต่อเติมอาคารใหม่ ในระหว่างหรือหลังการก่อสร้างอาคารใหม่ เพื่อป้องกันปัญหาการรั่วไหลของอากาศ
- ห้องคลีนรูม ห้องปลอดเชื้อ สถานพยาบาล หรือพื้นที่ที่ต้องมีการควบคุมคุณภาพอากาศสูง
- ศูนย์ข้อมูล (Data Center) หรือห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Room) ที่ต้องการการควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างเข้มงวด
- และอาคารประเภทอื่น ๆ ที่ต้องการตรวจสอบรอยรั่วของอากาศเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร
ติดต่อเรา Q&E INTERNATIONAL ได้ที่ช่องทาง
Call: 095-748-7312, 081-595-3011
LINE ID: @248hrupy
Facebook: บริษัท คิว แอนด์ อี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
Email: [email protected], [email protected]