อาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล หรือโรงงานอุตสาหกรรม ล้วนต้องพึ่งพาการใช้พลังงานไฟฟ้าและพลังงานเชื้อเพลิงในการดำเนินงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์และเครื่องจักร รวมถึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสาเหตุในการเกิดภาวะโลกร้อนจากการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง
การตรวจสอบพลังงาน หรือการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน (Energy Audit) หรือที่เรียกว่า Energy Management Audit จึงเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยวิเคราะห์และประเมินการใช้พลังงานในอาคารและโรงงานเพื่อหาแนวทางปรับปรุงให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน
นอกจากนี้การตรวจสอบพลังงานยังช่วยให้สถานประกอบการสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีการกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการพลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ตามกฎหมายแห่งกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
เพื่อให้องค์กรที่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้มีการจัดทำรายงานการตรวจสอบพลังงานและส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามข้อบังคับ อีกทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กรในฐานะผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
Energy Audit หมายถึงอะไร?
“Energy Audit” คือ การตรวจสอบพลังงาน ซึ่งเป็นการวิเคราะห์และประเมินการใช้พลังงานของระบบ เครื่องจักร และอุปกรณ์ที่ใช้ในอาคารหรือโรงงาน เพื่อประเมินประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และปรับปรุงหรือหาแนวทางแก้ไขเพื่อลดการใช้พลังงานและจัดการการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งการทำ Energy Audit ถือเป็นเครื่องมือเพื่อยืนยันว่าองค์กรที่ถูกตรวจสอบและประเมินการใช้พลังงานได้มีการจัดการและปฏิบัติด้านพลังงานภายในอาคารหรือโรงงานอย่างเหมาะสม และนำไปสู่การปรับปรุงผลการดำเนินการด้านพลังงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดยมีเหตุผลสำคัญในการตรวจสอบพลังงาน (Energy Audit) ดังนี้:
- ลดต้นทุนด้านพลังงาน : การทำ Energy Audit เป็นการตรวจสอบเพื่อให้ทราบถึงจุดที่พลังงานรั่วไหลและสูญเสียไป เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงระบบและลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน : การตรวจสอบพลังงานและการวิเคราะห์แนวทางในการใช้พลังงานให้คุ้มค่าที่สุด เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานในอาคารและโรงงานได้เป็นอย่างดี
- ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง : การตรวจสอบพลังงานถือเป็นข้อกำหนดทางกฎหมายสำหรับอาคารและโรงงานขนาดใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษและปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างถูกต้อง
- มีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษอื่นๆ ที่มาจากอาคารและโรงงาน รวมถึงช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมีการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
สถานที่ใดบ้างที่ควรตรวจสอบพลังงาน
ตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการพลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม พ.ศ. 2552 ได้มีการกำหนดให้ทำการตรวจประเมินภายใน (Internal Audit) และการตรวจสอบและรับรอง (Certification Audit) โดยระบุให้เจ้าของโรงงานควบคุมและเจ้าของอาคารควบคุมจัดให้มีการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงานโดยผู้ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน
โดยเฉพาะ “อาคารควบคุม” และ “โรงงานควบคุม” ซึ่งเป็นกลุ่มสถานที่ที่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องดำเนินการตรวจสอบพลังงานเป็นประจำ โดยมีหลักเกณฑ์อาคารและโรงงานที่เข้าข่ายตรวจสอบ ดังนี้
- โรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมที่ได้รับอนุมัติจากผู้จำหน่ายพลังงานให้ใช้เครื่องวัดไฟฟ้าหรือติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าชุดเดียวหรือหลายชุดร่วมกัน ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 1000 kW หรือ 1175 kVA ขึ้นไป
- โรงงานควบคุมหรืออาคารควบคุมที่ใช้พลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อนจากไอน้ำ หรือพลังงานสิ้นเปลืองอื่นจากผู้จำหน่ายพลังงานหรือของตนเองอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน โดยมีปริมาณพลังงานทั้งหมดเทียบเท่าพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ 20 MJ ต่อปีขึ้นไป
ซึ่งมีการตรวจประเมินด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่
- การตรวจประเมินภายใน (Internal Audit) หรือ First Party Audit : การตรวจประเมินโดยบุคลากรภายในขององค์กร หรือให้บุคลากรจากหน่วยงานภายนอกมาตรวจประเมินแต่เป็นการดำเนินงานในนามขององค์กร
- การตรวจประเมินโดยคู่ค้า (Supplier Audit) หรือ Second Party Audit : การตรวจประเมินโดยบุคลากรของคู่ค้าที่มีผลประโยชน์ร่วมกับองค์กรที่ถูกตรวจสอบพลังงาน
- การตรวจสอบและรับรอง (Certification Audit) หรือ Third Party Audit : การตรวจประเมินโดยบุคลากรของหน่วยงานอิสระ ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบลักษณะที่ปรากฏของระบบการจัดการกับหลักเกณฑ์ที่กำหนด หากพบว่าลักษณะดังกล่าวเป็นไปตามเกณฑ์ก็จะมีการรับรอง (Certify) เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน
ผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อไม่ตรวจสอบพลังงาน
การละเลยต่อการตรวจสอบพลังงาน (Energy Audit) ในอาคารและโรงงาน อาจเป็นเหตุนำไปสู่ผลกระทบที่ส่งผลเสียหลายด้านทั้งทางธุรกิจ ค่าใช้จ่าย และสิ่งแวดล้อมต่อการดำเนินงานในระยะยาว เช่น
- ต้นทุนด้านพลังงานสูงขึ้น เมื่ออาคารหรือโรงงานมีการใช้พลังงานเกินความจำเป็น หรือเหตุจากเครื่องจักรและอุปกรณ์ หรือระบบต่าง ๆ ที่ไม่มีประสิทธิภาพจนกินไฟมากเกินไป
- ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง เนื่องจากระบบที่ไม่มีประสิทธิภาพอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ เช่น อายุการใช้งานสั้นลง หรือต้องซ่อมบำรุงบ่อยครั้ง เป็นต้น
- ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นเพราะการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลืองจนทำให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น หรือการเพิ่มปริมาณของเสียจากการใช้พลังงาน เป็นต้น
- การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย เนื่องจากอาคารควบคุมและโรงงานควบคุมมีข้อกำหนดให้ต้องดำเนินการตรวจสอบพลังงานเป็นระยะ ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับหรือได้รับบทลงโทษทางกฎหมาย หรือไม่สามารถขอใบอนุญาตหรือการรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานได้
ข้อบังคับด้านการจัดการพลังงานในประเทศไทย
ประเทศไทยได้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการจัดการพลังงานที่กำหนดให้โรงงานควบคุมและอาคารควบคุมต้องดำเนินมาตรการด้านการตรวจสอบและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
- กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการพลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม พ.ศ. 2552
สามารถคลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://berc.dede.go.th/wp-content/uploads/2021/03/3A1-standard2552.pdf
- ประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการจัดการพลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม พ.ศ. 2552
สามารถคลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://berc.dede.go.th/wp-content/uploads/2021/03/4A1-standard2552.pdf
ซึ่งข้อบังคับทั้งสองฉบับนี้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรมและอาคาร โดยกำหนดให้โรงงานควบคุมและอาคารควบคุมต้องดำเนินการจัดการพลังงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมนั่นเอง
ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงาน
การใช้พลังงานในอาคารและโรงงานไม่เพียงแต่ต้องเป็นไปตามข้อบังคับทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมีมาตรฐานสากลที่ส่งเสริมแนวทางการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หนึ่งในมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางคือ “มาตรฐานอาคารสีเขียว” อย่างมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) และมาตรฐาน TREES (Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability) ซึ่งกำหนดแนวทางการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความยั่งยืนในการก่อสร้างและการดำเนินงานอาคาร
- มาตรฐาน LEED : มาตรฐานอาคารสีเขียวระดับสากลที่พัฒนาโดย U.S. Green Building Council (USGBC) ซึ่งครอบคลุมการออกแบบ การก่อสร้าง และการดำเนินงานของอาคารให้มีความยั่งยืน โดยมีข้อกำหนดด้านพลังงานที่สำคัญ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Optimize Energy Performance) หรือระบบพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Production) เป็นต้น
- มาตรฐาน TREES : มาตรฐานอาคารสีเขียวของประเทศไทย พัฒนาโดยสถาบันอาคารเขียวไทย (TGBI) ซึ่งใช้แนวทางที่คล้ายคลึงกับ LEED แต่ปรับให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย โดยมีแนวทางดังนี้ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency and Conservation – EEC) หรือการจัดการพลังงานและการตรวจสอบพลังงาน (Energy Monitoring and Audit) เป็นต้น
Q&E INTERNATIONAL รับตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน (Energy Audit) สำหรับอาคารและโรงงานทุกประเภท
“Q&E INTERNATIONAL” ผู้ตรวจสอบพลังงานโดยให้บริการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน (Energy Audit) สำหรับอาคารและโรงงานทุกประเภท โดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล โดยเรามุ่งเน้นให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน แต่ยังช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างยั่งยืนและเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสิ่งแวดล้อม
ติดต่อเรา Q&E INTERNATIONAL ได้เลยวันนี้ เพื่อปรึกษาแนวทางการปรับปรุงพลังงานสำหรับอาคารและโรงงานของคุณและก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน!
ติดต่อเรา Q&E INTERNATIONAL ได้ที่ช่องทาง
Call: 095-748-7312, 081-595-3011
LINE ID: @248hrupy
Facebook: บริษัท คิว แอนด์ อี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
Email: [email protected], [email protected]